รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จัดโรงพยาบาลในสังกัดพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รองรับประชาชนจากผลกระทบกรณี สปสช.ยกเลิกสัญญาคลินิกที่ตรวจสอบพบการทุจริต แจงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด สปสช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้วงเวลาทุจริต ยันตรวจสอบเข้มทุกภาคส่วน
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่พบการทุจริตเบิกจ่ายงบส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นหน่วยบริการของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า การยกเลิกสัญญาคลินิกต่างๆ ย่อมส่งผลกระทบ แต่ได้รีบแก้ไขทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุขให้หน่วยบริการในสังกัดที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมารองรับให้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย เพราะถือเป็นหน่วยงานพี่น้องกันที่ต้องให้ความช่วยเหลือ
“เมื่อพบธุรกรรมที่ไม่ปกติและส่อไปในทางไม่สุจริตคงไม่สามารถดำเนินการร่วมกันต่อได้ โดยต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับคลินิกเอกชนใดที่จะขึ้นทะเบียนมารับเป็นหน่วยบริการเพิ่มเติม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.มีความยินดี ขณะที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ก็ขอให้ สปสช.ตั้งระเบียบและข้อปฏิบัติต่างๆ ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการทุจริตขึ้นได้อีก” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาดำเนินการ ซึ่งตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ บอร์ด สปสช. ซึ่งมีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย อัยการ ดีเอสไอ และตำรวจ ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบอยู่แล้ว และเป็นกรรมการที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการจากภายนอกเข้ามา ถือว่าตนทำอย่างเต็มที่ด้วยเจตนาบริสุทธิ์เท่าที่จะทำได้ และการสอบสวนของคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้สอบสวนแค่คลินิกที่ตรวจสอบพบการทุจริตเท่านั้น แต่จะสอบสวนภายในองค์กรด้วยว่าทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร