เผยผลตรวจสอบครู ร.ร.สารสาสน์วิเทศ 400 คน มีใบประกอบวิชาชีพเพียง 98 คน คุรุสภาไล่รายชื่อเตรียมฟ้องทั้งครูและโรงเรียน ฐานทำผิด พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมขยายผลตรวจสอบโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ
วันนี้ (2 ต.ค.) นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพครู (กมว.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ว่า ตามที่ทางคุรุสภาได้มีการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของครูในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จำนวนเกือบ 400 คน พบว่า มีครูที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่ถูกต้องประมาณ 98 คน เท่านั้น ซึ่งในแง่กฎหมายทางคุรุสภาสามารถดำเนินคดีต่อสถานศึกษา และครูได้ เนื่องจากมีกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน ตามมาตรา 43 ตามมาตรา 43 พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 กำหนดให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา เป็นวิชาชีพควบคุม ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ แสดงว่า ถ้าสถานศึกษาใดนำคนที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมาสอนในสถานศึกษา ถือว่าทั้งสถานศึกษาและครูมีความผิด ซึ่งขณะนี้ทางคุรุสภากำลังดำเนินการตรวจสอบว่าจะฟ้องร้องใครบ้าง แต่ที่แน่ๆ จะฟ้องสถานศึกษาอย่างแน่นอน เพราะมีหลักฐานชัดเจน ส่วนเรื่องการฟ้องร้องกรณีทำร้ายร่างกายเด็กนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองในการฟ้องร้องดำเนินคดี
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า ครุสภาจะมองในส่วนของการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ซึ่งหากจะต้องเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ต้องนำเรื่องเข้าเสนอ กมว.เป็นผู้พิจารณาเพิกถอน และถ้าครูทุกคน รวมถึงครูต่างชาติได้รับมอบหมายให้สอนหนังสือในโรงเรียนดังกล่าวโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพ เราจะเล่นงานสถานศึกษาแน่นอน โดยจะต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายในขอบเขตอำนาจที่มีอยู่ และเรื่องนี้ คุรุสภาคงไม่ได้ตรวจสอบเพียงโรงเรียนสารสาสน์แห่งเดียว แต่จะขยายผลไปยังโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า ได้หารือกับทางเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนให้มีการกำหนดยูนิฟอร์มของพี่เลี้ยงกับครูผู้สอนให้แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ปกครองได้รู้ว่าใครเป็นพี่เลี้ยง ใครเป็นครู และหากผู้ปกครองเห็นพี่เลี้ยงมาทำหน้าที่ครูผู้สอนสามารถแจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ เป็นวิธีการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้โรงเรียนนำคนอื่นมาเป็นครู นอกจากนั้น ในการรับพี่เลี้ยงนั้น ระเบียบของ สช.มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้องเรียนต้องมีพี่เลี้ยงสัดส่วนเท่าใด แต่ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติชัดเจน ซึ่ง กมว.จะเสนอแนะให้มีการอบรมพัฒนาพี่เลี้ยงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อจะได้พี่เลี้ยงที่มีคุณภาพ เข้าใจ ดูแลเด็กได้ และต้องมีการแสดงใบการอบรมพัฒนาต่างๆ ร่วมด้วย ขณะเดียวกันสถานศึกษาต้องมีหลักฐานว่าได้อบรมตามหลักสูตรที่มีอยู่
นายเอกชัย กล่าวยืนยันว่า ครูในประเทศมีเพียงพอ ไม่ได้ขาดแคลน แต่บางสถาบันการศึกษาที่ไปจ้างคนที่ไม่ตรงวุฒิครูมาสอน หรือให้พี่เลี้ยงมาสอน เพราะต้นทุนไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ กมว. ได้ลงมติว่าเราจะพัฒนามาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย ซึ่งเดิมมีมาตรฐานเรื่องนี้อยู่แล้วแต่จะมีการออกมาตรฐานเพิ่ม และมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ การประกอบธุรกิจทางการศึกษา หลายคนอาจบอกว่าไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร แต่ถ้าใครที่มุ่งหวังผลกำไรเพื่อความอยู่รอด ก็ขอให้คำนึงถึงคุณภาพที่จะยื่นให้แก่ผู้ปกครองด้วย นั่นคือ ถ้าท่านเก็บค่าเล่าเรียนสูง และสูงเกินกว่าปกติ ก็ควรจะมีจิตสำนึกความรับผิดชอบถึงคุณภาพที่ท่านจะให้กับผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนด้วย