โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ย้ำ ประชาชนสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ป้องกันโรคติดต่อ ชี้ การปฏิบัติอย่างจริงจังที่ผ่านมา ช่วยรักษาสถานการณ์โควิด-19 ให้อยู่ในระดับต่ำ และยังช่วยลดโรคไข้หวัดใหญ่ โรคอุจจาระร่วงได้
วันนี้ (1 ต.ค.) แพทย์หญิง พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่อง วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 313,858 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกกว่า 34 ล้านราย ส่วนประเทศไทย ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ 5 ราย ทุกรายเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ และสถานกักตัวที่รัฐกำหนด ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,569 ราย อยู่ในลำดับที่ 138 ของโลก ซึ่งประชาชนจะต้องมีวินัย การ์ดอย่าตก เพื่อป้องกันการกลับมาระบาดระลอกใหม่
แพทย์หญิง พรรณประภา กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้สำรวจการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด 19 (ดีดีซีโพล) ทั้งหมด 21 ครั้ง ตั้งแต่ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ช่วงเดือนมกราคม - เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ระหว่างการระบาดเป็นวงกว้างในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน พ.ศ. 2563 จนถึงครั้งล่าสุด เก็บข้อมูลจากการสำรวจออนไลน์ระหว่างวันที่ 16-28 กันยายน พ.ศ. 2563 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,729 คน พบว่า ประชาชนมีแนวโน้มในการมีพฤติกรรมสุขภาพลดลง ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากในช่วงไม่มีอาการที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยสูงสุดร้อยละ 93.5 เหลือร้อยละ 66.9 ส่วนการสวมหน้ากากเมื่อมีอาการป่วยมีแนวโน้มคงที่คือร้อยละ 91 แต่ก็น้อยกว่าช่วงที่มีการระบาดภายในประเทศ (มีนาคม-พฤษภาคม) ที่สูงถึงร้อยละ 94.9 เมื่อสอบถามว่าจะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไหร่ ประชาชนตอบว่าจะสวมหน้ากากต่อเนื่องลดลง เหลือเพียงร้อยละ 55.3, จะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศร้อยละ 43.7, ไม่มีรายงานในต่างประเทศ ร้อยละ 37.7 นอกจากนี้ พบว่า ประชาชนมีแนวโน้มเลือกสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไม่มีอาการป่วยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายและราคาถูกลง
แพทย์หญิง พรรณประภา กล่าวต่อไปว่า ขอย้ำให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้น เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและตลอดเวลาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ กินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว เว้นระยะห่างลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป และยังช่วยทำให้การเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจลดลงด้วย โดยในปีนี้ตั้งแต่ 1 มกราคม-26 กันยายน 2563 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ลดลง มีรายงานผู้ป่วยเพียง 110,930 ราย เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่ในช่วงเดียวกันของปี 2562 มีรายงานผู้ป่วย 304,4225 ราย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน 621,445 ราย เสียชีวิต 2 ราย ลดลงจากในช่วงเดียวกันปี 2562 ที่พบ 883,449 ราย เสียชีวิต 5 ราย