xs
xsm
sm
md
lg

ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 14 ราย ทหารไทยกลับจากซูดานใต้ป่วยอีก 7 ที่เหลือมาจากฮ่องกง-อินเดีย-ตุรกี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 14 ราย มีทหารไทยกลับจากซูดานป่วยเพิ่ม 7 ราย เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 3 ราย ตุรกี 1 ราย และครอบครัวชาวอินเดียที่เดินทางมาจากอินเดีย 3 ราย อายุน้อยสุด 9 เดือน

วันนี้ (29 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine ทั้งหมด โดยมาจากซูดานใต้ 7 ราย เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 3 ราย อินเดีย 3 ราย และตุรกี 1 ราย ซึ่งวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 1 ราย

สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,559 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,445 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 621 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,370 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 130 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่กลับจากซูดานใต้ 7 ราย เป็นชายไทย อายุระหว่าง 29-53 ปี ทหาร ถึงไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2563 เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี วันที่ 26 ก.ย. 2563 ผลตรวจพบเชื้อผลไม่ชัดเจนจากการตรวจครั้งแรกวันที่ 26 กันยายน 2563 (วันที่ 4 ของการกักตัว) ทุกรายไม่มีอาการ รอตรวจซ้ำ จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทหารที่กรุงเทพมหานคร โดยก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 16 ราย ทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 3 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 28 ปี (2 ราย) รายแรก อายุ 28 ปี เริ่มป่วยวันที่ 19 กันยายน 2563 ด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูก และอาเจียน ไม่ได้ไปพบแพทย์ ซื้อยาลดไข้มารับประทานเอง รายที่ 2 อายุ 28 ปี เริ่มป่วยวันที่ 26 กันยายน 2563 ด้วยอาการเจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว และ รายที่ 3 อายุ 50 ปี รับจ้าง ถึงไทยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2563 เข้าพัก State Quarantine กรุงเทพมหานคร วันที่ 26 ก.ย. 2563 ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

อินเดีย 3 ราย 2 ราย เป็นมารดาและบุตรหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี และ 9 เดือน และชายสัญชาติอินเดีย อายุ 34 ปี ผู้จัดการบริษัท ถึงไทยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2563 เข้าพัก Alternative State Quarantine กรุงเทพมหานคร วันที่ 26 ก.ย. 2563 ผลตรวจพบเชื้อ

ตุรกี 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 44 ปี ว่างงาน ถึงไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2563 เข้าพัก State Quarantine กรุงเทพมหานคร วันที่ 26 ก.ย. 2563 ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 3 ราย ทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักตัว ส่วนค่ารักษาพยาบาลเก็บจากประกันโควิด-19

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรค โควิด 19 ประเทศไทยขณะนี้นับว่ายังคงมีความเสี่ยง ทั้งปัจจัยภายในประเทศที่อาจมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในสังคม และสถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดนที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจเกิดการลักลอบเข้าประเทศของแรงงานผิดกฎหมายที่ไม่ได้รับการคัดกรอง เฝ้าระวังโรคตามมาตรการ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจนำเชื้อเข้ามาแพร่ให้กับคนในประเทศไทยได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดความเสี่ยง เปรียบเสมือนวัคซีน ช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ได้ คือการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น เลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด และเลี่ยงการนำมือสัมผัสบริเวณใบหน้า ตา จมูกปาก และล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำและสบู่ เมื่อเข้าใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ให้ลงทะเบียนเข้า-ออกผ่าน “ไทยชนะ” จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะติดชื้อโควิด-19 และป้องกันการแพร่ระบาดครั้งใหม่

นอกจากการขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคแล้ว อีกสิ่งสำคัญคือขอให้ทุกคนช่วยกันสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในชุมชนหากพบจำนวนแรงงานต่างด้าวไม่สบายมาซื้อยาแก้ไข้หวัดรักษาตนเองในจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ขอให้สอบถามข้อมูลและแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังการแพร่เชื้อโควิด-19 ในชุมชน


สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก
วันอังคารที่ 29 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น.
ยอดผู้ติดเชื้อรวม 33,549,873 ราย
อาการรุนแรง 65,318 ราย
รักษาหายแล้ว 24,878,124 ราย
เสียชีวิต 1,006,379 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 7,361,611 ราย
2. อินเดีย จำนวน 6,143,019 ราย
3. บราซิล จำนวน 4,748,327 ราย
4. รัสเซีย จำนวน 1,159,573 ราย
5. โคลอมเบีย จำนวน 818,203 ราย

ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 137 จำนวน 3,559 ราย




กำลังโหลดความคิดเห็น