“สกลธี” รองผู้ว่าฯ กทม. ย้ำ เจ้าหน้าที่เทศกิจเร่งยกซากรถยนต์บนถนน หรือในที่สาธารณะที่เหลืออีกจำนวน 153 คัน พร้อมทั้งเรื่องจุดผ่อนผันที่ยังไม่ได้ประกาศยกเลิก จำนวน 171 จุด ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานคร และกำชับการใข้มาตราการป้องโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
วันนี้ (17 ก.ย.) เวลา 13.30 น. นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ครั้งที่ 6/2563 เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่เทศกิจ โดยมี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกรุงธน 3 สำนักเทศกิจ
ตามที่สำนักเทศกิจ ได้ดำเนินนโยบายจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย และจัดทำแผนปฏิบัติการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย เพื่อคืนทางเท้าให้แก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายเพื่อยกเลิกจุดผ่อนผันให้ครอบคลุมพื้นที่ 50 สำนักงานเขต จำนวน 683 จุด ณ ปัจจุบันได้ดำเนินการประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันเรียบร้อยแล้ว จำนวน 512 จุด ยังเหลือจุดผ่อนผันที่อยู่ระหว่างดำเนินการยกเลิกอีก จำนวน 171 จุด ในพื้นที่ 18 สำนักงานเขต สำหรับการดำเนินการโครงการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. 61-13 ก.ย. 63 สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 35,176 ราย ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือน 3,830 ราย ดำเนินคดี 29,543 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 1,803 ราย เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 36,799,700 บาท โดยระหว่างวันที่ 1-13 ก.ย. 63 สำนักงานเขตสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 207 ราย แยกเป็น ประชาชนทั่วไป 186 ราย วินจักรยานยนต์ 12 ราย แกร็บ 9 ราย ปรับเป็นเงิน 375,500 บาท ส่วนการดำเนินการกรณีป้ายโฆษณาที่ติดตั้งในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 61-13 ก.ย. 63 สำนักงานเขต จัดเก็บได้ 173,860 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 50 ราย จับ-ปรับ 4,148 คดี ปรับเป็นเงิน 12,748,400 บาท โดยระหว่างวันที่ 1-13 ก.ย. 63 สำนักงานเขตจัดเก็บได้ 1,849 ป้าย จับปรับ 41 คดี ปรับเป็นเงิน 86,600 บาท ด้านการดำเนินการยกซากรถยนต์บนถนนหรือในที่สาธารณะจากการสำรวจเบื้องต้นมีจำนวน 526 คัน สำนักงานเขตเคลื่อนย้ายแล้ว จำนวน 11 คัน เจ้าของรถเคลื่อนย้ายเอง จำนวน 362 คัน คงเหลือ จำนวน 153 คัน
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้ได้เน้นย้ำเรื่องสถานการณ์โรคโควิด-19 แม้ในขณะนี้จะพบว่าผู้ที่ติดเชื้อ คือ ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่กักตัวอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ แต่ยังไม่สามารถจะไว้วางใจได้ในสถานการณ์ได้ การ์ดจะต้องไม่ตก รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องตรวจตรา ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการถือปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร มีหลายกลุ่มมาก ทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการเมือง เช่น กลุ่มปลดแอกชาวสองล้อมาทวงถามความคืบหน้าขอขึ้นสะพานข้ามแยกและลงอุโมงค์ข้ามแยกที่ลานคนเมือง กลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร กลุ่มเลือกข้างประชาธิปไตย ที่ผ่านมา สำนักเทศกิจและสำนักงานเขตพื้นที่ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกและดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง และในวันที่ 19-20 ก.ย. 63 นี้ จะมีการชุมนุมรวมตัวกันที่บริเวณสนามหลวง คาดว่า จะมีมวลชนจำนวนมาก จึงมอบหมายสำนักงานเขตพระนครและสำนักเทศกิจติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมกำลังพล โดยเน้นย้ำให้รักษาวินัยและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ สำหรับนโยบายการจัดระเบียบทางเท้าด้านอื่นๆ อาทิ จอดรถหรือขับขี่บนทางเท้า ป้ายโฆษณาที่ติดตั้งในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดระเบียบผู้ค้า และความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยอื่นๆ ยังคงต้องเข้มงวดกวดขันเช่นที่ผ่านมา เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานคร
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับจุดผ่อนผันที่ยังไม่ได้ประกาศยกเลิก จำนวน 171 จุด มอบหมายเจ้าหน้าที่เทศกิจเร่งตรวจสอบว่าจุดใดขัดต่อประกาศกรุงเทพมหานคร (ฉบับใหม่) เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 ให้สำนักงานเขตเสนอเรื่องขอยกเลิกมายังสำนักเทศกิจ เพื่อเสนอผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงนามประกาศยกเลิกต่อไป ส่วนจุดใดที่ไม่ขัดต่อประกาศฉบับใหม่ดังกล่าว ให้สำนักงานเขตดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดและเสนอให้คณะกรรมการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานครพิจารณา เพื่อประกาศเป็นพื้นที่ทำการค้าตามประกาศฉบับใหม่ต่อไป โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 63 นอกจากนี้ ได้มอบหมายทุกสำนักงานเขตสำรวจพื้นที่ภายในเขต หากมีพื้นที่ใดที่มีความเหมาะสม มีศักยภาพ สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำการค้าได้ และเป็นไปตามประกาศฉบับใหม่ ให้เสนอมายังสำนักเทศกิจเพื่อจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานครพิจารณาเป็นจุดทำการค้าต่อไป ส่วนพื้นที่ทำการค้านำร่อง จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 บริเวณทางเท้าถนนพระราม 2 ซอย 69 เขตบางขุนเทียน จุดที่ 2 บริเวณทางเท้าซอยอารีย์ 1 เขตพญาไท และจุดที่ 3 บริเวณพื้นที่ว่างซอยอ่อนนุช 70 เขตประเวศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอคณะกรรมการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกรุงเทพมหานคร ระหว่างนี้ได้มอบหมายสำนักงานเขตทั้ง 3 เขต เตรียมความพร้อม หากได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ทำการค้า การคัดเลือกผู้ค้าเข้าทำการค้าจะต้องปฏิบัติตามประกาศฯ ฉบับใหม่ นอกจากนี้ ได้พิจารณาพื้นที่สาธารณะเพื่อกำหนดเป็นพื้นที่ทำการเพิ่มเติมอีก จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย 1. ถนนกำแพงเพชร 4 เขตจตุจักร 2. ซอยสุขุมวิท 18 เขตคลองเตย และ 3. ตลาดบางคอแหลม เขตบางคอแหลม โดยมอบหมายสำนักงานเขตทั้ง 3 เขต เร่งดำเนินการและรายงานผล
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า ส่วนการยกซากรถยนต์บนถนนหรือในที่สาธารณะที่เหลืออีกจำนวน 153 คัน มอบหมายให้สำนักงานเขตทำหนังสือแจ้งเจ้าของให้เคลื่อนย้ายซากรถยนต์ภายใน 15 วัน หากครบกำหนดแล้วยังไม่ดำเนินการเคลื่อนย้าย ให้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ กองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง กทม. เพื่อทำการเคลื่อนย้ายเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและคืนพื้นที่ให้แก่ประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้จัดพื้นที่เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายซากรถเป็นการชั่วคราวเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ภายในศูนย์กำจัดขยะหนองแขม เขตหนองแขม และศูนย์กำจัดขยะอ่อนนุช เขตประเวศ ด้านการกวดขันผู้ฝ่าฝืนจอดหรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าสาธารณะ ได้กำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจทุกสำนักงานเขตดำเนินการอย่างเข้มงวด และเพิ่มความถี่ในการกวดขัน เนื่องจากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดเก็บป้ายที่ติดตั้งในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้กวดขันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในถนนสายหลัก ทั้งในส่วนของป้ายโฆษณาสินค้า คอนโด บ้านจัดสรร หรือป้ายหาเสียง รวมถึงโครงการเทศกิจ School Care ซึ่งเป็นโครงการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนทั้งของกรุงเทพมหานครและสังกัดอื่นๆ รวมทั้งสถานที่สำคัญๆ ได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมทั้งให้ออกตรวจและรณรงค์ประชาสัมพันธ์การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนและสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของทุกคน