xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 7 ราย เป็นชาวต่างชาติ-เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด รักษาหายอีก 2 ราย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบค.เผยประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 7 ราย เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด เดินทางจากอินโดนีเซีย 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย รัสเซีย 2 ราย อินเดีย 2 ราย และบังกลาเทศ 1 ราย ทั้งหมดเป็นต่างชาติ พักอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ และวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2 ราย

วันนี้ (5 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักใน State Quarantine เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ประกอบด้วย ชายชาวบราซิล เดินทางมาจากอินโดนีเซีย 1 ราย นักเรียนหญิงชาวอเมริกัน เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย ชายและหญิงสัญชาติรัสเซีย เดินทางมาจากรัสเซีย รวม 2 ราย ชายและหญิงสัญชาติอินเดีย เดินทางมาจากอินเดีย รวม 2 ราย และชายชาวบังกลาเทศ เดินทางมาจากบังกลาเทศ 1 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ

สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,438 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,445 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 500 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,279 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 101 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย

ประวัติผู้ป่วยรายใหม่ เดินทางมาจากอินโดนีเซีย 1 ราย เป็นชาย สัญชาติบราซิล อายุ 40 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 20 ส.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) ใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

สหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นนักเรียนหญิง สัญชาติอเมริกัน อายุ 16 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 27 ส.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) ใน กทม. และตรวจหาในวันที่ 3 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

รัสเซีย 2 ราย เป็นนักเรียนชาย สัญชาติรัสเซีย อายุ 18 ปี และหญิง สัญชาติรัสเซีย อายุ 45 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 31 ส.ค. Alternative State Quarantine (ASQ) ใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 3 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ

อินเดีย 2 ราย เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 43 ปี เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 31 ส.ค. และนักเรียนหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 14 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ทั้งหมดเข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) ในกทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 ก.ย ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ

บังกลาเทศ 1 ราย เป็นชาย สัญชาติบังกลาเทศ อายุ 24 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 2 ก.ย. เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) ใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 3 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ


นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองและกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานเขตทุ่งครุและสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ทำการคัดกรองเชิงรุกในแหล่งที่พักของผู้ติดเชื้อในประเทศรายล่าสุดที่คอนโดบ้านสวนธน แขวงบางมด เขตทุ่งครุ มีประชาชนมารับบริการจำนวน 137 รายจะทราบผลตรวจภายในคืนนี้ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นสมาชิกในครอบครัว 5 ราย และผู้ใกล้ชิดอีก 7 รายนั้น ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด ด้านผู้สัมผัสที่เป็นพนักงานร้าน 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 และ พระราม 5 จำนวน 25 คน ผลตรวจไม่พบสารพันธุกรรมโควิด 19 และบ่ายวันนี้จะมีการลงพื้นที่ตรวจคัดกรองที่ถนนข้าวสารเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้ลงทะเบียน “ไทยชนะ” ที่ร้านอาหาร 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 จะได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ขอให้สังเกตอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูก เจ็บคอ มีไข้ ภายในระยะเวลา 14 วัน นับจากวันสุดท้ายที่ไปร้านอาหารแห่งนี้ หากมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน เพื่อขอรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที และระหว่างนี้ให้สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง แยกของใช้จากผู้อื่น สอบถามเพิ่มเติมโทร.กรมควบคุมโรค 1422

นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า จากผลสำรวจพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระหว่างวันที่ 14 – 27 สิงหาคม 2563 พบว่า พฤติกรรมป้องกันตนเองของประชาชนลดลงอย่างชัดเจนในทุกพฤติกรรม โดยในภาพรวมลดลงจากร้อยละ 75.6 เป็น 73.6 ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ การระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก การระวังไม่อยู่ใกล้ผู้อื่น

ดังนั้น ยังคงขอเน้นย้ำความร่วมมือของประชาชน โดยเฉพาะในวันหยุดยาวนี้ให้เที่ยวอย่างปลอดภัย เข้มมาตรการป้องกันตนเองต่อไป ทำให้เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจาก บ้าน เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ กรณีที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ ให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยและหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก ไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับความเสี่ยง และลงทะเบียนด้วยแอพพลิเคชั่น“ไทยชนะ” ทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะสามารถใช้ข้อมูลติดตามผู้สัมผัส เพื่อเฝ้าระวัง ตรวจวินิจฉัย และป้องกันควบคุมโรคต่อไป นอกจากนี้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโดยเฉพาะร้านอาหาร ผับ บาร์ แม่ค้า ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันและช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป
























กำลังโหลดความคิดเห็น