วันนี้ (3 ก.ย.) นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ตั้งโต๊ะแถลงกรณีพบผู้ต้องขังชาย 1 ราย ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ระหว่างกักกันก่อนที่จะเข้าแดนปกติทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง
แพทย์หญิง วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวว่า ในส่วนผู้ต้องขังได้รับข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งเป็นการตรวจที่เกิดขึ้นในเรือนจำ แยกกักกันก่อนที่จะมีการเข้าแดนปกติ จะมีการตรวจอยู่แล้วในทุกราย ซึ่งในส่วนของราชทัณฑ์ เขามีการตรวจมาตั้งแต่เดือน พ.ค. โดยหลังจากรับรายงาน ก็ได้มีการตรวจสอบว่าติดเชื้อหรือไม่ ได้มีการส่งตรวจยืนยันห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ก็พบว่า พบเชื้อจริง และได้ส่งทีมไปสอบสวนจากกรมควบคุม และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ผู้ป่วยรายนี้มีอาการเมื่อวันที่ 29 ส.ค. มีอาการไข้ มีเสมหะ อาการไม่ค่อยชัดเจน วันที่ 2 ก.ย. จึงเก็บเชื้อทางโพรงจมูก ซึ่งผลพบเชื้อ นับย้อนไป 14 วัน พบประวัติเบื้องต้น อยู่กับครอบครัว ที่คอนโดบ้านสวนธน พุทธบูชา บางมด ในครอบครัวมีผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง 5 ท่าน ซึ่งได้แยกกักกันต่อไป ส่วนการทำงาน ทำงานในร้าน 3 วัน 2 คืน เป็นดีเจ อยู่ที่สาขาพระราม 3 ทำอีกสาขาที่สาขาพระราม 5
“นอกจากนี้ ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่เราพบ มีในส่วนที่ผู้ต้องขังขึ้นศาลประมาณ 20 ท่าน ทั้งทนาย เจ้าหน้าที่เรือนจำ นักโทษผู้ร่วมตัดสินคดี และนักโทษรวมรถโดยสาร ในส่วนของเรือนจำ มีการแยกกักขังแรกรับ ทั้ง 34 ราย ซึ่งมีการตรวจทั้งหมดแล้วไม่พบเชื้อ ซึ่งตรวจกันในวันที่ผู้ติดเชื้อร่วมตรวจด้วย และผู้เสี่ยงต่ำ เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 ราย ในส่วนของผู้ป่วยรายนี้ก็มีการสอบสวนเพิ่มเติม” แพทย์หญิง วลัยรัตน์ กล่าว
นายแพทย์วีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ต้องดูแลผู้ต้องขังจำนวนมาก 3 แสนกว่ารายในปั๗จุบัน อย่างไรก็ดีไม่พบผู้ติดเชื้อมาก รายนี้ถือเป็นรายที่ 2 ที่พบ การตรวจพบครั้งนี้เป็นมาตรการที่กรมราชทัณฑ์กำหนดว่าผุ็ต้องขังทุกรายต้องแยกกักกันไว้ทั้งหมด 14 วัน และได้ทางเทคนิดการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมตรวจด้วย ซึ่งพบเชื้อตามที่แพทย์หญิงวลัยรัตน์ได้กล่าวไป การที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้มีส่งผลกระทบต่อทั้งเรือนจำ เพราะได้มีการแบ่งแยกของผู้ต้องขังอย่างชัดเจน โดนผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้ไปต่างประเทศ อยู่แต่ในเมืองไทย โดยพบในทัณทสถานบำบัดพิเศษกลาง บางเขน และได้ส่งตัวไปอาคารแยกเดี่ยว ที่ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และได้ย้ายผู็ต้องขังที่สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 34 คน ไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อผู้ต้องขังเป็นพิเศษ ตรวจผลยืนยันซ้ำอีกครั้งหนึ่ง