กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของแรงงานชาวเมียนมาที่จังหวัดกาญจนบุรี ผลทั้งหมดไม่พบเชื้อโควิด-19 ภายหลังจากที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ชี้ทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ดำเนินการร่วมกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตามตะเข็บชายแดนดังกล่าว ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วนมาโดยตลอด วันนี้ (2 ก.ย.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีแรงงานชาวเมียนมา 2 คนลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่จังหวัดกาญจนบุรี และมีไข้สูง ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ในพื้นที่ดังกล่าว นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้กองระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 5 จังหวัดราชบุรี (สคร.5 จ.ราชบุรี) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ดำเนินการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อติดตามและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมในทันที
โดยได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างแรงงานชาวเมียนมา 2 คน และเด็กชาวเมียนมาในบ้านที่ทั้งสองไปพักอาศัย 1 คนที่มีไข้สูง เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี RT-PCR โดยล่าสุดผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของทั้ง 3 คน คือทั้งหมดไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด และได้มีการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อนในชุมชน นอกจากนี้ โรงเรียนที่อยู่ใกล้ที่พักอาศัยดังกล่าว ได้มีการประกาศปิดโรงเรียนเป็นการชั่วคราว เพื่อทำการเฝ้าระวังและทำความสะอาดในโรงเรียน
สำหรับการปิดเรียนของทางโรงเรียนดังกล่าวนั้น พบว่าได้มีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้ 1.มีการหารือร่วมกันกับคณะกรรมการสถานศึกษา ฝ่ายปกครอง และรพ.สต. แล้ว 2.อสม.แนะนำผู้ที่อาจเคยใกล้ชิดให้กักตัวในบ้านของตนเอง รวมไปถึงการดูแลอย่างใกล้ชิดในบ้านของนักเรียนที่อาจเคยใกล้ชิดกัน เช่น การสังเกตอาการ การวัดไข้ เป็นต้น และ 3.ขณะที่โรงเรียนปิดชั่วคราวและเด็กนักเรียนหยุดอยู่บ้าน มีการเรียนที่บ้านโดยผ่านใบงานของครูประจำรายวิชานั้นๆ นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้ร่วมกันทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในทุกพื้นที่ของโรงเรียน โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีได้ดำเนินการร่วมกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตามตะเข็บชายแดนดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงนี้ได้เพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่และประชาชนชาวไทย และขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วนมาโดยตลอด หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422