นายกฯ ยันเพิ่มมาตรการคุมเข้มแนวชายแดน สกั้นกันโควิด-19 แจงปิดบางโรงเรียนชายแดนชั่วคราวเพื่อป้องกันไว้ก่อน พร้อมรับมือหากระบาดระลอกสอง ขอช่วยกันเข้มงวด แม้ไทยไร้ผู้ติดเชื้อมา 3 เดือน
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.10 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตอบคำถามกรณีโรงเรียนตามแนวชายแดน เช่น จ.กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สั่งปิดโรงเรียน เนื่องจากพบมีชาวพม่าหนีการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 2 เข้ามาในไทยและพบเด็กนักเรียนหลายคนมีไข้สูง นายกฯ วิตกกังวลหรือไม่ จะทำให้ไทยกลับมาแพร่ระบาดรอบที่ 2 ว่า ที่ถามว่านายกฯ วิตกไหม แล้วที่อยู่ทุกวันนี้ นายกฯ ไม่ได้ห่วงกังวลเลยหรืออย่างไร ไม่เข้าใจ หรือคนที่เป็นนายกฯ ก่อนๆ เขาไม่ได้ห่วงกังวลอะไรเลยหรือเปล่า คำถามแบบนี้ตนคิดว่าตนตอบได้ ตนวิตกกังวลทุกเรื่อง เพราะเป็นรัฐบาลที่จะต้องดูแลพี่น้องประชาชนทั้ง 67 ล้านคน
นายกฯ กล่าวว่า การป้องกันแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ตนได้เคยบอกไปแล้ววันนี้เราได้เพิ่มมาตรการที่เข้มข้นตามแนวชายแดนในการสกัดกั้น มีการตั้งจุดตรวจและการวางกำลังเพิ่มเติม ตามแนวลำน้ำที่มีภาพว่าแรงงานต่างว่ายน้ำเข้ามา จะเห็นได้ว่าเมื่อว่ายน้ำข้ามมาก็มีเจ้าหน้าที่รอสกัดกั้นอยู่แล้ว ต้องดูตรงนี้ด้วย เมื่อเจอก็จะนำมาเข้าตรวจคัดกรองรักษา เมื่อเจอในท้องถิ่นชุมชนจะมีการรายงานเข้ามา ทุกคนต้องเป็นหูเป็นตาแทนด้วย ทุกหน่วยงานก็ทราบดีอยู่แล้วว่าความสำคัญในการป้องกันแพร่ระบาดรอบที่ 2 อยู่ที่ไหน ทั้งนี้ เรามุ่งเน้นในการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อให้การเดินอากาศภายในประเทศมีรายรับ ไม่อย่างนั้นก็ต้องลดลูกจ้าง พนักงาน นี้คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่รัฐบาลจำเป็นต้องไปหางบประมาณในการจ้างงานเพิ่ม ทั้งนิสิต นักศึกษา และผู้ที่ตกงาน ด้วยเหตุผลจากโควิด-19 หรือจากการขาดสภาพคล่อง ซึ่งต้องดูทุกมิติ เรื่องการทำงานมันไม่ง่านนัก แต่ก็ต้องทำและทำให้ได้ก็แล้วกัน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการปิดโรงเรียนก็เพื่อให้มีการตรวจสอบเด็กนักเรียนหากมีไข้สูงจะทำอย่างไร ขณะนี้ชาวบ้าน 2 รายที่มีไข้สูงทางโรงพยาบาลรับไปรักษาตัวแล้ว นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำ ฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเรารักษาได้ ก็ต้องยอมรับกันว่าตรงนี้เราทำได้ เมื่อมีผู้ลักลอบผ่านเข้ามาเมืองทางช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายก็ได้กำชับให้มีการตรวจตราดูแล จับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ก็จะเห็นได้ว่ามีการดำเนินคดีมาแล้วหลายคดี ทั้งนี้ได้มีการปิดโรงเรียนชั่วคราวในบางโรงเรียนเพื่อการป้องกันไว้ก่อน เพราะเป็นโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้าน ตนก็ได้ติดตามสถานการณ์จาก ศบค.ตลอด และได้สั่งการไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งการเพิ่มกำลังตำรวจ ทหาร เพิ่มเติม และเพิ่มความเข้มงวด ช่องทางเข้าออกประเทศไทยทั้งทางบก น้ำ อากาศ ทุกช่องทาง ฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเข้มงวดมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถึงแม้เราไม่มีผู้ติดเชื้อมา 3 เดือน ก็ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสจะเกิดขึ้น เพราะหลายประเทศก็เกิดขึ้นมาแล้ว แต่ตนขอย้ำอีกด้านหนึ่งว่า เราเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ไม่ว่าสถานพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์ เรามีพร้อมหมดแล้ว ฉะนั้นเราต้องมอง 2 อย่างให้สมดุลกัน ถ้ามันเกิดเราพร้อมรับมือหรือไม่ งบประมาณเรามีไหม เรามีความร่วมมือผลิตวัคซีนต่างๆ กับหลายๆ ประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีงบประมาณเตรียมการพัฒนาวิจัยผลิตวัคซีนไว้แล้ว เราต้องในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงบ้าง ถ้ามองแต่สิ่งไม่ดี มาตรการไม่ได้รับความร่วมมือแล้วจะร่วมมือกันได้อย่างไร นั้นคือสิ่งที่เราต้องการเท่านั้นเอง ไม่สามารถไปบังคับสื่อได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องช่วยกันเข้มงวด ต้องร่วมมือร่วมใจกันต่อไป เพื่อคนไทยทุกคน และต้องยอมรับซึ่งกันและกันบ้าง