xs
xsm
sm
md
lg

มองความสุขผ่านชีวิตด้วยดนตรี/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพประกอบบทความ
เจ้าลูกชายคนเล็ก "สิน สิทธิสมาน" นอกจากจะชอบเล่นและดูกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เขายังชอบเล่นและฟังดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตด้วย ในโอกาสที่เขาเดินทางมาจนครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงขอเล่าขานผ่านตัวอักษรถึงชีวิตที่สัมพันธ์กับดนตรี เพื่อจะบอกว่า ดนตรีคือเพื่อนร่วมทางในทุกมิติของเขา และถ้าคนเราสามารถมีความสุขกับสิ่งที่เรารักและหาจนเจอ ก็จงใช้สิ่งนั้นเคียงข้างชีวิต

............

“เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ”

เนื่องในวันที่ 2 กันยายน 2563 เป็นวันครบรอบวันเกิดของผม 21 ปีบริบูรณ์ จึงอยากจะเขียนถึงบางสิ่งบางอย่างในชีวิตมาเล็ก ๆ น้อย ๆ สักเรื่องหนึ่ง คิดไปคิดมาไม่รู้อีท่าไหนอย่างไรถึงทำให้ผมอยากเขียนถึงเรื่อง “ดนตรี” ขึ้นมา

อาจจะเพราะดนตรีนี่กระมังที่อยู่คู่กับชีวิตผมมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

ตั้งแต่เหยียบเท้าก้าวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเมื่อ 12 ปีก่อน ผมก็เล่นดนตรีมาตลอด และได้เข้าร่วมกับวงจุลดุริยางค์ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 1 ในฐานะผู้เล่นไวโอลิน ตำแหน่งแรกในวงคือไวโอลิน 2 ก่อนจะเขยิบไปอยู่ตำแหน่งไวโอลิน 1 ภายในปีเดียว

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าการที่จะได้เข้าร่วมวงของโรงเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก โดยเฉพาะตำแหน่งไวโอลิน ก่อนจะเข้าร่วมจำเป็นต้องผ่านการด่านทดสอบของคุณครูฝึกสอนก่อน และคู่แข่งที่เป็นเพื่อน ๆ กันก็มีมาก เล่นไวโอลินกันหลายคน ไหนจะต้องดูว่าแต่ละปีตำแหน่งไวโอลินจะว่างลงเท่าไร แต่เผอิญตัวผมเองก็เริ่มเรียนไวโอลินมาตั้งแต่อายุราว ๆ 7 ขวบ การที่จะเก่งกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ บ้างเล็กน้อยก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ทำให้ผมเป็นคนแรกของรุ่น 89 ที่ได้เข้าร่วมกับวงจุลดุริยางค์ในตำแหน่งไวโอลิน เท่ทีเดียว ขอโม้หน่อยละกันนะครับ

พี่ชายเล่นไวโอลินดีไม่แพ้ผม แต่จังหวะไม่ดีเท่า ปีนั้นตำแหน่งไวโอลินในวงค่อนข้างล้น รุ่นพี่เลยขอให้เปลี่ยนไปเล่นเครื่องเป่าที่ชื่อโอโบแทน

หลังจากที่ผมได้เข้าร่วมกับวงจุลดุริยางค์ ก็ได้รู้จักเพลงพระราชนิพนธ์ต่าง ๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 6 มากมาย แต่ที่ชอบที่สุดนั้นก็คือเพลง “ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ” โดยเป็นบทพระราชนิพนธ์แปลจากต้นฉบับของวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ มีเนื้อความเกี่ยวข้องกับการฟังดนตรี ขอนำมาลงไว้ ณ ที่นี้ ท่านผู้อ่านจะร้องคลอไปด้วยก็ได้ เชื่อว่าน่าจะรู้จักและเคยฟังกันเป็นส่วนใหญ่นะครับ

............

ชนใดไม่มีดนตรีกาล
ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์
ฤาอุบายมุ่งร้ายฉมังนัก
มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี
และดวงใจย่อมดำสกปรก
ราวนรกชนเช่นกล่าวมานี้
ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้
เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

............

ความหมายของเนื้อเพลงนั้นแม้จะไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่แค่ช่วง 4 บรรทัดแรกก็จะพอแปลได้ว่าใครที่ไม่ชอบดนตรีนั้นเป็นคนไม่ปกติ ใครที่ฟังดนตรีแล้วรู้สึกไม่ไพเราะเป็นเหมือนคนมีความคิดไม่ดีงาม และเนื้อความตอนจบก็คงหมายความว่า เราต้องฟังดนตรีถึงจะมีจิตใจที่ดีงาม

ครั้งแรกที่ผมฟัง ทำให้ผมหลงรักเพลงนี้เข้าทันที แม้จะไม่ได้เข้าใจความหมายของตัวเพลงทั้งหมดตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟัง แต่รู้สึกว่ามันไพเราะเสียเหลือเกิน พอเริ่มฟังและเล่นบ่อย ๆ ก็เริ่มจับใจความของเนื้อเพลงที่จะสื่อ

เห็นด้วยกับเพลงนี้นะครับ เพราะผมเป็นคนที่ชื่นชอบการฟังดนตรีเป็นอย่างมาก มากจนถึงขั้นเสพติดเลยละครับ ชอบฟังดนตรีแทบทุกแนวตั้งแต่คลาสสิค ไปจนถึง Hip-Hop ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากการฟังแล้ว ผมก็ยังเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีมาก ๆ อีกด้วย เครื่องดนตรีที่เริ่มเล่นนั้นก็คือเปียโน ต่อมาก็คือไวโอลิน ผมผูกพันกับไวโอลินมากถึงมากที่สุด โดยช่วงชีวิตของตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมได้มีโอกาสขึ้นโชว์ไวโอลินมากครั้ง ทั้งในการโชว์เดี่ยว โชว์คู่ (กับพี่ชาย) หรือโชว์คอนเสิร์ตแบบเล่นเป็นวง เคยมาแล้วทั้งนั้น ทั้งโชว์ในโรงเรียน นอกโรงเรียน ในประเทศ นอกประเทศก็อุตส่าห์เคยไปมาเลเซียมาแล้วครั้งหนึ่งแบบได้รับเสียงปรบมือเสียด้วย แต่จะเพราะตัวเล็กดูน่ารักหรือเพราะเล่นดีก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เกือบ ๆ จะได้ไปญี่ปุ่นแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เสียดายเหมือนกัน ผมเดินทางไปกับไวโอลินมากมายหลายที่ ได้พบเจอทั้งมิตรภาพ ประสบการณ์ และความสุข

ในปีสุดท้ายที่โรงเรียน ผมประสบความสำเร็จสูงสุด คือได้รับตำแหน่ง Concert Master ของวงจุลดุริยางค์ในปีนั้น เพราะนี่เป็นตำแหน่งหลักของวง ตำแหน่ง Concert Master จะมอบให้ผู้เล่นดนตรีตำแหน่งไวโอลิน 1 ที่มีความสามารถสุด นั่งอยู่หน้าวงในสุดใกล้ ๆ วาทยากร

การรับมอบและส่งต่อตำแหน่ง Concert Master ในแต่ละปีเกิดขึ้นงานแสดงคอนเสิร์ตประจำปี เป็นพิธีที่ทำกันเป็นประเพณีสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม เขียนมาถึงตรงนี้ยังคิดถึงบรรยากาศ 2 ปีนั่นเลย ปีที่รับมอบตำแหน่ง กับปีที่อำลาและส่งมอบตำแหน่ง

ยอมรับว่าภูมิใจครับ กับเด็กที่เรียนไม่เก่ง เล่นรักบี้แม้จะพยายามแต่ก็ตัวเล็กเกินไป เล่นฟุตบอลแม้จะได้แชมป์ภายในแต่พอดีทีมวชิราวุธไม่ได้เก่งมากนักแข่งภายนอกไม่ประสบความสำเร็จอะไร ก็มีดนตรีนี่แหละที่วงจุลดุริยางค์ของโรงเรียนอยู่ในระดับต้น ๆ ของประเทศ และผมได้เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวง

แต่เครื่องดนตรีสุดท้ายที่ผมฝึกเล่นนั้น คือกีต้าร์

โดยจุดประสงค์หลักที่ผมอยากเล่นกีต้าร์ก็ง่าย ๆ ครับ เพราะรู้สึกว่าผู้ชายจับกีต้าร์นั้นมันช่างเท่ซะเหลือเกิน ผู้ชายที่คารมดีแล้วเล่นกีต้าร์ได้ด้วย สาว ๆ คนไหนจะไม่ชอบล่ะ นั่นแหละครับเหตุผลที่ผมเริ่มเล่นกีต้าร์ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วการที่ได้เล่นมันฝึกมันทุกวันจริง ๆ สักพักผมก็ชักจะเริ่มหลงรักกีต้าร์ด้วยตัวกีต้าร์เองมากกว่าเพื่อความเท่ไว้ให้สาวเหล่

สำหรับผม ดนตรีไม่ได้เป็นแค่งานอดิเรกที่เอาไว้สร้างความผ่อนคลายหรือความสุขเล็ก ๆ แต่ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างผมให้เป็นตัวผมในวันนี้ ดนตรีพาผมไปเปิดโลกพบเจออะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ดนตรีคือเพื่อนคนหนึ่งของผม ที่ไม่ว่าไปไหนก็จะมีกันอยู่ข้าง ๆ เสมอ ที่คอยรับฟังผม เวลาที่อารมณ์เสียจากอะไรมาก็มีดนตรีนี่แหละครับเป็นที่ระบายของผม

ผมมีความสุขที่ได้เล่น ได้ร้อง ได้ฟัง ดนตรี จริง ๆ ครับ

สุดท้ายนี้ก็ขอให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ทุกคน....

“เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ....”
กำลังโหลดความคิดเห็น