ศบค. เผย สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ รัสเซีย 2 ราย อินเดีย 1 ราย เข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ผู้ป่วยรักษาหายได้กลับบ้านเพิ่มอีก 1 ราย
วันนี้ (18 ส.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ เดินทางกลับจากต่างประเทศ จากรัสเซีย 2 ราย อินเดีย 1 ราย เข้าพัก State Quarantine
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,381 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 444 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,198 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 125 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เดินทางกลับมาจากประเทศรัสเซีย 2 ราย ทั้งหมดเป็นหญิงไทยอายุ 38 ปี และ 49 ปี อาชีพพนักงานนวดเดินทางถึงไทยวันที่ 2 ส.ค. 63 เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพมหานคร และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อโดยผู้ป่วยรายแรกไม่มีอาการและอีกรายพบว่ามีไข้ 37.9 องศา
และอีก 1 รายเดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย เป็นชายไทยอายุ 62 ปี อาชีพพนักงานร้านอาหารเดินทางถึงไทยวันที่ 8 ส.ค. 63 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 17 ราย) เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพมหานคร และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อโดยพบว่ามีอาการถ่ายเหลว
จำนวนคนไทยที่จะเดินทางกลับวันนี้ มีจำนวน 504 คน จาก 5 เที่ยวบิน โดยเดินทางกลับจากประเทศอียิปต์ ภูฏาน สหรัฐฯเกาหลีใต้ และ จีน และในวันพรุ่งนี้จะมีจำนวนคนไทยเดินทางกลับมาอีก 575 คน จากบรูไน เอธิโอเปีย กาตาร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และยังคงมีการเดินทางกลับมาอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุดมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 203,909 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 22,048,933 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4,398 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 777,430 ราย โดยสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุด 5,612,027 ราย รองลงมา คือ บราซิล มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,363,235 รายอันดับ 3 คือ อินเดีย มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,701,604 ราย อันดับ 4 คือ รัสเซียมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 927,745 ราย อันดับ 5 คือ แอฟริกาใต้ มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 589,886ราย
สำหรับประเทศในเอเชียที่พบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 114
ในเรื่องของวัคซีนโควิด 19 กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ได้ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนอย่างใกล้ชิด และมีความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจัดหาวัคซีนมาใช้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับคนไทย ขอเน้นย้ำว่าวัคซีนที่จะนำมาใช้ต้องมีความปลอดภัย มีประสิทธิผล สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน และสามารถป้องกันโรคได้จริง ตามแนวทางการวิจัยวัคซีนที่เป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์และนานาชาติ
“การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศสามารถเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนอย่าตระหนก และความร่วมมือของประชาชนทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ และภาครัฐมีความพร้อมที่จะรับมือเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศในวงกว้าง” นายแพทย์ธนรักษ์กล่าว