ศน.เล็งนำร่องโครงการเที่ยววิถีวัฒนธรรมย่านเจริญกรุง หวังฟื้นการท่องเที่ยวหลังโควิด-19
นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอของบประมาณให้แก่ศาสนสถาน 4 ศาสนา ได้แก่ โบสถ์คริสต์ มัสยิดอิสลาม เทวสถานพราหณ์-ฮินดู และวัดซิกข์ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ล่าสุด ได้จัดทำรายละเอียดในการขอใช้งบกลางเสนอผ่านไปยัง นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม รวมถึงรายละเอียดเพื่อขอรับการฟื้นฟูศาสนสถานเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดพื้นที่ของแต่ละศาสนสถานในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนารองรับศาสนิกชนของแต่ละแห่งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมศาสนสถานทั้งหมด 8,000 แห่ง ในวงเงินศาสนสถานละ 5,000 บาท รวมจำนวน 80 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอไปพร้อมกับมาตรการลดค่าสาธารณูปโภค ประกอบด้วย ค่าน้ำ และค่าไฟจากทางกระทรวงมหาดไทย (มท.)
อย่างไรก็ตาม ศาสนสถานของทั้ง 5 ศาสนาทุกแห่งได้มีการปรับรูปแบบการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแบบวิถีใหม่ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด โดยเฉพาะการจัดระยะห่างระหว่างการประกอบพิธี สำหรับการจัดกิจกรรมเข้าวัดวันธรรมสวนะ ในเขตกรุงเทพมฯ ที่ ศน.เคยประกาศงดไปในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้สั่งการให้กลับมาจัดกิจกรรมได้แล้วนั้น ล่าสุดได้ประสานกับองค์กรเครือข่ายร่วมเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมตามมาตรการ สธ.ด้วย พร้อมกันนี้ ศน. ยังเตรียมจัดทำแผนฟื้นฟูหลังสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการจัดทำโครงการท่องเที่ยววิถีธรรมในพื้นที่ กทม.เป็นครั้งแรก ในพื้นที่ย่านเจริญกรุง ซึ่งถือย่านความเชื่อ 4 ศาสนา ที่ทั้งวัด โบสถ์คริสต์ ศาลเจ้า และ เทวสถาน โดยได้ลงพื้นที่ไปหารือกับผู้นำศาสนา ได้แก่ วัดวิษณุ วัดปรกยานนาวา วัดเซนต์หลุยส์ และศาลเจ้าแต้จิ๋วย่านสาทร เพื่อร่วมจัดทำแผนการดำเนินงาน โดยให้สำนักพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมของ ศน.ลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะเปิดตัวเป็นเส้นทางท่องเที่ยวแสวงบุญต่อไป
“ในเบื้องต้นได้จัดเตรียมข้อมูลพื้นฐาน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมา ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและศาสนสถานแต่ละแห่ง เช่น ภาพถ่ายเก่า เอกสารโบราณ เพื่อให้ทราบประวัติศาสตร์ความเป็นมาของย่านเจริญกรุง และวางแผนจัดทำเส้นทางท่องเที่ยว ทั้งนี้จะมีการหารือกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดำเนินการแบบบูรณาการจัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวแสวงบุญอย่างเป็นทางการ เชื่อว่า จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สัมผัสวิถีชุมชน และสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนด้วย” นายกิตติพันธ์ กล่าว