กรมควบคุมโรค ยันครอบครัวทูตซูดานทำตาม กม.ไทย ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ แค่อำนวยความสะดวกเก็บตัวอย่างที่สนามบิน และให้กลับไปพำนัก ชี้ ปกติต้องพักสถานทูต แต่บังเอิญมีที่พำนักในคอนโด จึงแวะพัก เหตุต้องดูแลลูกเล็ก 4 คน ยันรู้ผลติดเชื้อภายหลัง ระบุไม่มีคนสัมผัสเสี่ยงสูงรายอื่นนอกจากครอบครัว ผลตรวจคนในคอนโด 266 ราย ออกแล้ว 144 ราย ไม่มีติดเชื้อ
วันนี้ (15 ก.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีลูกสาวอุปทูตซูดานติดโควิด-19 โดยมีการพำนักในคอนโด One X ย่านสุขุมวิท ว่า จากการที่ศูนย์บริหารสถานการร์โควิด-19 (ศบค.) ผ่อนปรนผู้เดินทางเข้าประเทศ บางส่วนเดินทางเข้ามาระยะสั้น จึงให้มีการเปิดห้องปฏิบัติการ (แล็บ) เพื่อตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ตามมาตรฐาน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มดำเนินการวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นการตรวจ ณ จุดบริการ โดยจะเน้นตรวจกลุ่มที่จำเป็นมากๆ ที่ต้องการเดินทางออกไปเร็วๆ นี้ ซึ่งจะตรวจและทราบในเวลา 1 ชั่วโมงกว่าๆ ข้อจำกัด คือ ตรวจมากๆ ในคราวเดียวกันไม่ได้ ดังนั้น หากมีความจำเป็นเร่งด่วนก็จะตรวจที่สนามบินเลย แต่หากไม่เร่งด่วน เช่น คนไทยที่จะไปกักตัว อาจเก็บตัวอย่างที่สนามบินแล้วค่อยไปตรวจ หรือไปเก็บตัวอย่างส่งตรวจในสถานที่กักตัวก็ได้
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า กรณีของบุตรครอบครัวทูตซูดาน เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารจำนวน 245 คน หลักการ คือ ทุกคนถูกกักทั้งหมด แต่ลำนี้มีคนที่มีไข้ หรือมีอาการ หรืออาจจะเข้าได้จำนวน 47 คน ดังนั้น คนที่เหลือจึงส่งไปกักยังสถานที่ที่รัฐจัดให้ และตามไปเก็บตัวอย่างสองรอบตามปกติ ส่วน 47 คนที่มีไข้ ต้องเก็บตัวอย่างที่สนามบิน ซึ่งบังเอิญครอบครัวของคณะทูต ซึ่งเป็นแม่และเด็กเล็ก 4 คน โดยโตอายุ 9 ขวบ คนเล็กอายุน้อยที่สุด คือ 2 ขวบ ขนาดผู้ใหญ่เอาไม้แหย่จมูกเพื่อเก็บตัวอย่างยังร้อง เด็กเล็กก็ธรรมดาที่จะงอแง เราจึงเก็บตัวอย่างที่สนามบิน และอำนวยความสะดวก จึงให้ไปกักที่พำนักในสถานทูต ซึ่งจริงๆ ควรจะต้องไปกักตัวในสถานทูต และบิดาที่อยู่เมืองไทยก็มีที่พำนัก และไม่ได้ติดเชื้อ ก็คิดใจเขาใจเรา ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ จึงแค่แวะในที่พำนักเขาแค่นั้น และระยะเวลาที่ผลทางห้องปฏิบัติการออกก็ไม่นาน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เมื่อผลตรวจออก พบว่า 5 คน คือ แม่และเด็ก 4 คนนั้น ปรากฏว่า 4 คนไม่พบการติดเชื้อ แต่บุตรสาวคนโตอายุ 9 ขวบ พบการติดเชื้อ จึงแจ้งประสานงานและนำส่ง รพ.ทันทีตามมาตรการและมาตรฐานที่กำหนด ส่วนครอบครัว 4 รายที่เหลือ รวมทั้งบิดาที่มีการสัมผัส ก็ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สั่งการให้ไปกักตัว ซึ่งการกักจะมี 2 แบบ คือ 1. กักในสถานทูต ซึ่งเป็นพื้นที่จำกัด และ 2. สถานกักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine) ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ และลูกสาว 3 คนที่ต้องดูแล โดยลูกสาวอีกคนต้องไป รพ. ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ จึงร่วมกับสถานทูตมาโดยตลอด และเขาก็ไม่ได้ออกไปไหน และปฏิบัติตามมาตรการ จนเมื่อการตัดสินใจ การจัดการเรียบร้อย ณ ปัจจุบันอยู่ในสถานทูตเรียบร้อยแล้ว
“สเต็ปเป็นไปตามขั้นตอน ทูตานุทูตไม่ว่าประเทศไหนก็ทำตามกฎหมายของเรา ชุดนี้ก็ทำตามกฎหมายของเรา แต่ที่เขียนในคำสั่ง ศบค. เขียนว่าให้กักตัวในที่พำนัก แต่บังเอิญคุณพ่อมีที่พำนักอยู่ก่อนที่อยู่นอกสถานทูต และเผอิญคุณแม่ และมีเด็กเล็ก การตรวจก็ไม่ได้หมายความว่าทราบผล มาทราบทีหลัง ช่องว่างเราก็สอบสวนหมดแล้ว ว่าไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงคนอื่น คนสัมผัสเสี่ยงสูง ก็คือพ่อแม่และลูก 3 คน เราจึงสั่งให้ไปกัก โดยให้เลือกสถานทูต หรือ Alternativr State Quarantine แต่อย่างที่บอก ตัวคณะทูตเหมือนกับบุคคลที่เป็นผู้แทนประเทศอื่น กระทรวงการต่างประเทศก็มีหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแล ไม่ได้มีเอกสิทธิ์อะไรที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไทย” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กล่าวว่า จากการนำรถพระราชทานออกตรวจทั้งที่ระยองและ กทม. มีการตรวจทั้งสิ้น 1,599 ราย แบ่งเป็นระยอง 1,333 ราย ผลออกแล้ว 416 ราย ส่วนกรณีคอนโดใน กทม.ตรวจแล้ว 266 ราย โดยผลออกแล้ว 144 รายให้ผลเป็นลบ อย่างไรก็ตาม ตรงนี้จะให้บริการต่อจนครบทุกคนที่อยู่ในคอนโด เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่ดังกล่าวปลอดภัย อย่างไรก็ตาม มาตรการต่างๆ ของคอนโดค่อนข้างชัดเจนสามารถลดความเสี่ยงลงได้ เด็ก 9 ขวบ เข้าไปเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อรอเวลาสำหรับการนอน รพ. ช่วงเวลาสัมผัสค่อนข้างน้อย และไม่ได้สัมผัสกับบุคคลในคอนโด