“อนุทิน” สั่ง สปสช.ขยายตรวจสอบเบิกจ่าย “คลินิกเอกชน” ทั่วประเทศ เร่งวางระบบป้องกันทุจริตเบิกค่าบริการ ผ่านระบบ Smart card reader และแอปพลิเคชันพิสูจน์ตัวตน ยืนยันสิทธิ์ก่อนรับบริการ
วันนี้ (11 ก.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการปลอมข้อมูลเพื่อเบิกค่าบริการคัดกรองสุขภาพ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ของคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ที่ผ่านมา ได้สั่งกำชับให้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการถึงที่สุด ทั้งในคดีแพ่ง คดีอาญา และจรรยาบรรณวิชาชีพ เพราะเป็นการทุจริตต่องบประมาณประเทศ ทุจริตภาษีประชาชน ทั้งงบประมาณก้อนนี้ยังใช้เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน นอกจากนี้ มีรายงานการขยายการตรวจสอบเพิ่มเติมในคลินิกเอกชนที่พบข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ 86 แห่ง โดยพบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 แห่ง เป็นจำนวนเงินที่ต้องเรียกคืน 2,473,600 บาท ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อดำเนินการ ดังนั้น ได้สั่งการเพิ่มเติมให้ สปสช. ขยายการตรวจสอบการเบิกจ่ายหมวดเงินที่จ่ายตามผลงานบริการในหน่วยบริการทุกแห่งทั่วประเทศ
นายอนุทิน กล่าวว่า การที่ สปสช.ตรวจพบเจอการทุจริตของหน่วยบริการที่ส่งเบิกค่าบริการมา สะท้อนถึงประสิทธิภาพระบบการตรวจสอบของ สปสช.เองที่ตรวจพบความผิดปกติของการเบิกจ่ายและขยายผลจนพบการทุจริตในที่สุด ซึ่งกรณีนี้เป็นการดำเนินการเบิกจ่ายผ่านระบบตามที่ทางหน่วยบริการคีย์เข้าสู่ระบบ การตรวจสอบข้อมูลว่าประชาชนผู้มีสิทธิมารับบริการจริงหรือไม่ ต้องดำเนินการภายหลังโดยวิธีการสุ่มตรวจ ข้อมูลบริการที่มีเป็นจำนวนมาก แต่จากปัญหาที่เกิดนี้ ประกอบกับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า สปสช.ได้ปรับขั้นตอนการรับบริการเพิ่มเติม ด้วยการเพิ่มระบบยืนยันตัวบุคคลโดยใช้ Smart card reader หรือ Application เพื่อยืนยันตัวตนการเข้ารับบริการ ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบดำเนินการได้โดยเร็ว
“ปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่า สปสช.จะเป็นผู้ตรวจสอบพบการรั่วไหลเอง ผมก็ไม่นิ่งนอนใจ ไม่แต่เฉพาะการเบิกจ่ายกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่รวมถึงการดำเนินการในเรื่องอื่นๆ ในทุกหน่วยงาน ทุกสังกัด ต้องมีการตรวจสอบเข้มงวด ไม่รั่วไหล ไม่มีการทุจริต ซึ่งผมขอให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้” นายอนุทิน กล่าว