ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พอใจภาพรวมของการเปิดเทอมวันแรก ผลออกมาในทิศทางที่ดี เตรียมประสานกับหน่วยงาน ผู้มีจิตศรัทธาในการสนับสนุนการติดตั้งจออินเตอร์แอกทีฟ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้เด็กได้เป็นอย่างดี ส่วนการตรวจสถานประกอบกิจการที่ได้รับการผ่อนปรนระยะที่ 5 จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมตรวจกับฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากสถานประกอบการประเภทสถานบันเทิงยังถือเป็นพื้นที่เสี่ยง อาจจะมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 2
วันนี้ (2 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 7/2563 ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Teleconference) โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร หัวหน้าหน่วยงาน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ กทม.
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครที่เปิดภาคเรียนเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งโรงเรียนต่างๆ ทั้ง 437 แห่ง ได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยโรงเรียนที่มีความพร้อมทางด้านสถานที่ก็จะเปิดเรียนตามปกติให้เด็กนักเรียนมาเรียนทุกวันเหมือนเดิมโดยจัดการเรียนการสอนตามข้อกำหนดของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การตรวจคัดกรองก่อนเข้าโรงเรียน การเว้นระยะห่าง
ส่วนโรงเรียนที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือลดความแออัดในโรงเรียนก็จะใช้วิธีให้เด็กนักเรียนสลับวันกันมาเรียน ซึ่งวันไหนที่เด็กไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียนก็จะมีการเรียนออนไลน์เสริม ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนต่างๆ ในการจัดทำสื่อการสอนในสำหรับการเรียนออนไลน์เพิ่มเติม และจากการตรวจเยี่ยมโรงเรียนประชานิเวศน์เมื่อวานนี้ พบว่าที่โรงเรียนมีการติดตั้งจออินเตอร์แอกทีฟ (กระดานอัจฉริยะ) ใช้ในการเรียนการสอนเด็กนักเรียนด้วย ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับเด็กอย่างยิ่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้เด็กได้เป็นอย่างดี จึงมีแนวคิดที่จะจัดหามาติดตั้งให้ครบ 6 กลุ่มเขต โดยจะได้ประสานกับหน่วยงาน หรือผู้มีจิตศรัทธาในการสนับสนุนการติดตั้งจออินเตอร์แอกทีฟ (กระดานอัจฉริยะ) ต่อไป
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่กรุงเทพมหานครได้มีการออกประกาศผ่อนปรนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระยะที่ 5 ไปแล้วนั้น กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตก็จะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการต่างๆ ที่อนุญาตให้เปิดเพิ่มเติมให้มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ เช่น ไม่เปิดเกินเวลาที่กำหนด จำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ ซึ่งหากพบว่าสถานที่ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการก็จะต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง หรืออาจมีการสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าว
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการรายงานถึงกรอบสถาปัตยกรรมองค์กรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของกรุงเทพมหานคร 2563 (BMA Enterprise Architecture 2020) การดำเนินการตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ กทม. (พ.ศ. 2561-2565) (Enterprise Architecture) ตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี พ.ศ. 2556-2575 เพื่อพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็น SMART BMA และ SMART CITY ในด้านฐานข้อมูลต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกรุงเทพมหานครจะมีการจัดทำฐานข้อมูลของหน่วยงานตนเองทำให้การนำข้อมูลของแต่ละหน่วยงานมาใช้งานนั้นอาจทำได้ช้า หรือมีความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน ซึ่งแนวทางในอนาคตจะเป็นการรวมข้อมูลหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกรุงเทพมหานครมาไว้ในฐานข้อมูลเดียวกันเป็นศูนย์รวมของข้อมูลทั้งหมด และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จก็จะช่วยให้การเก็บรวบรวมข้อมูลของแต่ละหน่วยงานเป็นระบบมากขึ้น การประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานทำได้เร็วขึ้น ช่วยลดงบประมาณในการปฏิบัติงาน ที่สำคัญจะช่วยเพิ่มประสิทธิการทำงานของกรุงเทพมหานครด้วย