“หมอหนู” สั่ง “สสส.เดินหน้าชีวิตวิถีใหม่ต่อ หนุนงานสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมสื่อสารประชาชน ไม่ทิ้งกลุ่มเปราะบางขาดโอกาส ยันต้องสวม “หน้ากาก” เพื่อป้องกันตนเอง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งปรับการทำงานของ สสส. นอกเหนือจากร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขสื่อสารรณรงค์สร้างความตระหนักในช่วงแรกแล้ว ยังได้สนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ทำโครงการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 55 โครงการ แบ่งเป็น 1. Covid-19 Literacy ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกัน ในกลุ่มเฉพาะ อาทิ เด็ก ผู้พิการทางสายตา การได้ยิน กลุ่มชาติพันธุ์ พระสงฆ์ 2. Social Distancing สร้างแพลตฟอร์มตนแบบในการเว้นระยะห่างทางสังคม นำร่องในกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ร้านอาหาร โรงพยาบาล ผู้โดยสารรถเมล์ 3. Mental Health ประสานเครือข่ายวิชาชีพในการการดูแลและป้องกันสุขภาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ บุคลากรทางการแพทย์ 4. High-Risk Support กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ พ่อค้าแม่ค้า หญิงตั้งครรภ์ และ 5. New Normal เสริมความตระหนักในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนไร้บ้าน ร้านอาหาร และบุคคลทั่วไป
“สสส.มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจกับประชาชน และคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสในสังคม ผู้ใช้แรงงานทั้งในและนอกระบบ ขณะนี้ถือว่า ประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่เพียงความสำเร็จของกระทรวงสาธารณสุข แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกหน่วยงาน รวมถึงแพทย์ พยาบาล อสม. และประชาชนทุกคน ที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการของภาครัฐเป็นอย่างดี ในส่วนการเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ ด้วยวัฒนธรรมไทยที่มีความใกล้ชิดกัน ในหลายเรื่องอาจจะทำได้ยาก แต่อย่างน้อยที่สุด ยังจำเป็นต้องคงการสวมใส่หน้ากาก โดยเฉพาะเมื่อออกจากบ้าน เพราะเป็นการป้องกันตนเองเบื้องต้นที่ดีที่สุด” นายอนุทิน กล่าว