“กรมอนามัย” ระบุแม้เลิกเคอร์ฟิว แต่ “ห้างฯ” อาจยังติดประกาศเฟส 3 กำหนดปิด 3 ทุ่ม เหตุเฟส 4 ยังไม่ออกประกาศคลายล็อก แนะถาม ศบค.ต้องออกประกาศหรือไม่ หรือปิดตามปกติได้เลย ห่วงคลายล็อกเฟส 4 กิจการสีแดง การ์ดต้องไม่ตก รับ “สวนสนุก” ยังน่าห่วง ต้องคัดกรอง เช็กอิน ทำความสะอาดทุกรอบ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากป้องกันน้ำลายขณะเล่นจากการกรี๊ด ส่วนเช็กอินทุกจุดเครื่องเล่นหรือไม่ต้องหารือต่อ
วันนี้ (15 มิ.ย.) พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการผ่อนปรนกิจการในระยะที่ 4 ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าสู่การผ่อนปรนระยะที่ 4 ทุกกิจการแทบกลับมาเปิดได้เกือบหมดแล้ว เหลือผับบาร์ โรงเบียร์ อาบอบนวด ทั้งนี้ กรมอนามัยได้สำรวจความเห็นประชาชนผ่านทาง Thai Stop COVID พบว่า 55% มีความเข้าใจและปรับตัวตามวิถีชีวิตใหม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรับตัวได้ยาก คือ การเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เพราะกิจการบางอย่างทำได้ยาก แต่อย่างอื่นทำได้ค่อนข้างดี เช่น เลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ สวมหน้ากาก สังเกตอาการตัวเอง มีไข้ ไอจาม ไม่ออกจากบ้าน อยู่ในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการมีส่วนสำคัญมากในการสนับสนุนการปฏิบัติตัวของประชาชน จะทำให้ความร่วมมือเพิ่มขึ้น โดยการออกแบบ ปรับปรุงพื้นที่ ทำสัญลักษณ์ จะทำให้ประชาชนร่วมมือดีเมื่อเทียบกับกิจการที่ไม่ทำ
“หลายประเทศหลังผ่อนปรนมีการติดเชื้อรายใหม่ อย่างปักกิ่งกลับมาประกาศภาวะฉุกเฉินเพราะพบผู้ป่วยมากขึ้น ดังนั้น เราต้องมาดูเรื่องการ์ดของคนไทย เมื่อมีการผ่อนปรนเฟส 4 สัปดาห์นี้น่าสนใจมากว่า กราฟดีขึ้นเกือบทุกด้าน เช่น การสวมหน้ากากกลับมาที่ 91% จากที่ลดลงไปอยู่ที่ 90% และเคยทำสูงสุดที่ 92% แต่อยากให้สวมหน้ากากมากกว่านี้เมื่อไปที่สาธารณะ คู่กับการเว้นระยะห่าง การล้างมือ การไม่สัมผัสหน้าตัวเอง ก็หวังว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีก” พญ.พรรณพิมลกล่าว
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า กรณีบ้านบอลเข้าใจว่าจะอยู่ในระยะถัดไป เพราะมีความเสี่ยงจากการมีลูกบอลลูกเล็กๆ เต็มไปหมด เด็กลงไปเล่นคลุกคลีใกล้ชิด ถ้าระบบคัดกรองไม่ดี น้ำมูกอะไรต่างๆ ก็ลงไปสัมผัสและเป็นที่เสี่ยงสูง ดังนั้น ตรงนี้จึงยังห้ามอยู่ แต่ที่อนุญาตคือสวนสนุก สวนน้ำ ซึ่งการคัดกรองและการทำความสะอาดรอบการเล่นสำคัญมาก ถ้าทำได้ดี บ้านบอลก็คงได้เปิดในระยะถัดไป ทั้งนี้ กิจการเสี่ยงในเฟส 4 ก็ค่อนข้างเป็นห่วงในกลุ่มสวนสนุก เพราะลักษณะกิจการกิจกรรมมีความเสี่ยงในตัวเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคได้ยาก แต่เท่าที่หารือกับผู้ประกอบการ ก็จะมีการเช็กอินทางเข้า มีการจัดระยะห่างการเล่นเครื่องเล่น คงไม่ได้มานั่งใกล้ชิดกัน ส่วนเรื่องการห้ามตะโกนเมื่อเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวคงเป็นไปได้ยาก เพราะเวลากลัวคนเราก็จะร้องออกมา ซึ่งการให้ใส่หน้ากากไว้ตลอดเวลาก็ช่วยป้องกันได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเล่นเครื่องเล่นแต่ละรอบก็ยังใช้เวลาไม่กี่นาที
เมื่อถามว่า ต้องมีการเช็กอินทุกจุดเครื่องเล่นเลยหรือไม่ พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่เบื้องต้นคงเช็กอินแค่ทางเข้าก่อน แต่หากสามารถเช็กอินทุกจุดที่ไปเล่นได้ ก็จะระบุหรือติดตามได้ใกล้ชิดขึ้นว่า คนที่มีความเสี่ยงในบริเวณนั้นเป็นใคร มิเช่นนั้นก็จะเหมือนกับตลาดในจีนที่ต้องติดตามมาตรวจเป็นหมื่นคน หากเกิดการติดเชื้อขึ้นมาก็เท่ากับว่าทุกคนที่ไปในวันนั้นก็ต้องทุกติดตามทั้งหมด
ถามต่อว่า ห้างสรรพสินค้าหลังยกเลิกเคอร์ฟิวจะเปิดปิดตามเวลาปกติหรือไม่ เนื่องจากยังติดประกาศคลายล็อกเฟส 3 ที่เฟส 4 ยังไม่มีการกำหนดเรื่องเวลา พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องถามความชัดเจนจาก ศบค.อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หลังยกเลิกเคอร์ฟิวแล้วกิจการต่างๆ ก็กลับมาเปิดบริการตามเวลาปกติได้ แต่มีเพียงกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่มีการระบุเรื่องเวลาไว้ในประกาศคลายล็อกเฟส 3 ที่กำหนดให้เปิดถึง 21.00 น. ถือว่าออกมาเป็นกฎหมายลูกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเฟส 4 ยังไม่มีการปลดล็อกตรงนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าต้องรอทางกฎหมายออกมาก่อนหรือไม่ ก็คงต้องถามความชัดเจนจาก ศบค.
เมื่อถามถึงกรณีอาหารบุฟเฟต์ พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการทุกคนเห็นตรงกันว่ายังไม่อนุญาตตักอาหารเอง คนตักคือพนักงานเท่านั้น ก็ไม่ปนเปื้อนเรื่องช้อนกลางในบุฟเฟต์ ซึ่งลูกค้าอยากรับประทานอะไรก็ให้แจ้งพนักงานก็จะตักมาเสิร์ฟเป็นจานๆ โดยมีภาชนะส่วนตัว ทุกโรงแรมปฏิบัติแบบนี้ แม้แต่ห้างสรรพสินค้าที่มีบุฟเฟต์ก็ปรับวิธีแบบนี้หมดแล้ว เพราะรู้สึกว่าปลอดภัย จัดการง่ายกว่า ผู้ประกอบการไม่อยากมีความเสี่ยงที่จะเดินกลับไปสู่การถูกปิดกิจการ ซึ่งตอนนี้เราอาจเปลี่ยนอะไรจากวิถีเดิมบ้าง แต่วิถีใหม่นี้ก็จะมีความปลอดภัย