สบส.ร่อนมาตรการคุมโควิด “คลินิกแพทย์แผนไทย” กว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศแล้ว ย้ำ บริการ 1 คนต่อห้อง งดพูดคุยกันขณะรักษา นวดช่วงศีรษะต้องระวังเป็นพิเศษ เตือนเรียกไปนวดนอกสถานที่ เสี่ยงติดเชื้อมากกว่า เหตุไม่มีระบบดูแลป้องกัน ย้ำ ร้านนวด-สปา-คลินิก ทำตามมาตรการ หากทำผิดผู้ว่าฯ สั่งปิดได้ เผยหลังคลายล็อกคนแห่เข้าร้านนวดจนคิวเต็ม
วันนี้ (10 มิ.ย.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คลินิกแพทย์แผนไทยและแผนไทยประยุกต์ มีการดูแลด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทยเพื่อรักษา ฯลฯ โดยทั่วประเทศมีประมาณ 1,500 กว่าแห่ง แบ่งเป็น กทม. 358 คลินิก และในต่างจังหวัดทั่วประเทศ 1,100 กว่าคลินิก ทั้งนี้ หัตถการที่ใกล้ชิดกัน เช่น เรื่องการนวดในบางบริเวณ อย่างการนวดบริเวณศีรษะหรือใบหน้า ก็ต้องมีการป้องกันเป็นพิเศษ สำหรับประเด็นการไปนวดนอกสถานที่ ย้ำว่า สบส.มีการดูแลมาตรฐาน วางระบบควบคุมป้องกันโรค ในส่วนของร้านนวด สปา และคลินิกแพทย์แผนไทยที่มีการนวด แต่การให้บริการนอกสถานที่และเรียกผู้ให้บริการไปให้บริการ ระบบนี้ไม่มีการควบคุมกำกับ เป็นการประกอบอาชีพอิสระ การทำตามมาตรการต่างๆ อาจไม่ครบถ้วน อาจมีอันตรายและการติดต่อของโรคได้ อยากฝากเตือนถ้าจะใช้บริการประเภทนี้ขอให้ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ และแนะนำมารับบริการยังสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนไว้จะดีกว่า
นพ.ธเรศ กล่าวว่า ส่วนจากการประเมินร้านนวด สปาต่างๆ โดยรวมผู้ประกอบการให้ความร่วมมือดี ยกเว้นช่วงแรกที่อาจมีการตกหล่นในการเตรียมการบางเรื่อง เช่น ระยะห่าง บริการ 1 ต่อ 1 ก็มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและให้คำแนะนำ ฝากทุกแห่งให้เปิดดำเนินการเป็นไปตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด หากไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด ผู้ว่าฯ สามารถดำเนินการสั่งปิดได้ นอกจากนี้ ยังมีโทษทางอาญา และโทษตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล หรือ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพต่อไป ทั้งนี้ ได้ให้พนักงานระดับจังหวัดไปตรวจเยี่ยมและสุ่มตรวจให้คำแนะนำตลอด
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส.กล่าวว่า มาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ในคลินิกแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมเรื่องเครื่องมือ อุปกรณ์ สถานที่ คัดกรองผู้เข้ารับบริการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยการตรวจวัดไข้ อุณหภูมิ และมีแบบประเมินคัดกรองตนเองถึงประวัติเสี่ยงต่างๆ ส่วนผู้ให้บริการต้องทำตามมาตรการหลัก คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ให้บริการ 1 คนต่อห้อง กำหนดเวลาในการให้บริการ มีการนัดคิวไม่ให้มานั่งรอ หรือกำหนดผู้ที่จะพาญาติมาไม่เกิน 1 คน หรือตามที่กำหนดไว้ ล้างมือก่อนและหลังบริการ ซึ่ง สบส.ส่งมาตรการหลักและเสริมให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) กระจายไปยังคลินิกแพทย์แผนไทยต่างๆ ในแต่ละพื้นที่แล้ว ส่วนผู้รับบริการก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ไม่พูดคุยขณะรับบริการ ดูแลสุขภาพล้างมือ จากการสำรวจดูนั้นผู้รับบริการส่วนใหญ่ มีความตื่นตัวเข้ารับบริการ บางสถานที่ถึงขนาดคิวนัดเต็ม พบว่า ส่วนใหญ่ให้บริการดี และรับบริการแบบนัดหมายล่วงหน้า การปรับระบบวิถีใหม่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือดี ถือว่าน่าพอใจ
