ปลัด สธ.แจงคำสั่งตรวจ “โควิด” ผู้ป่วยแอดมิตทุกราย เป็นมติวันที่ 25 พ.ค. เหตุช่วงก่อนหน้านี้พบผู้ป่วยติดเชื้อใน รพ.หลายเคส บุคลากร รพ.ติดเชื้อเป็นร้อย เตรียมทบทวนคำสั่ง หลังสถานการณ์ระบาดดีขึ้น สุ่มตรวจ 7 พันราย ไม่เจอติดเชื้อเลย เตรียมปรับให้เหมาะสม คาดแบ่งเป็น 4 กลุ่ม
วันนี้ (9 มิ.ย.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีออกคำสั่งโรงพยาบาลในสังกัด สธ.ทุกแห่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วยทุกรายที่นอนรักษาใน รพ. (Admit) ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เนื่องจากช่วง เม.ย.ที่ผ่านมามีการระบาดของโรคโควิด-19 มีการติดเชื้อใน รพ.หลายกรณี เช่น รพ.รามาธิบดี หรือกรณี รพ.ที่ จ.ชุมพร ก็เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ หรือ รพ.ในจังหวัดนราธิวาส ที่มีคนไข้ติดเชื้อจากเตียงข้างๆ หรือกรณีคุณลุงที่ไปตัดผมก็มีการติดเชื้อใน รพ.เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเป็นร้อยราย ประกอบกับที่เคยมีการสุ่มตรวจคนไข้ในโรงเรียนแพทย์ รวมกว่า 10,000 ราย ระยะแรกก็เคยเจอผู้ป่วย 2 ราย คืดเป็น 0.12% ทำให้กลัวว่าคนไข้ 1,000 คนจะมีคนติดเชื้อ 1 คน และคน 10,000 คนก็อาจมีคนติดเชื้อ 100 คน จึงมีมติว่า ควรต้องมีการเพิ่มการตรวจมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการให้บริการ
นพ.สุขุมกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากกรมการแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ พบว่า ประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่พบการติดเชื้อใน รพ.รายใหม่เลย จากการตรวจสุ่มกว่า 7,000 ราย ดังนั้น จะมีการประชุมวันที่ 9 มิ.ย. เพื่อทบทวนมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ใน รพ. ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ เนื่องจากตอนนี้เราพบผู้ป่วยโควิด-19 น้อยลง โดยจะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม 1. กลุ่มที่มีความเสี่ยงว่าเป็นโรค 2. คนต้องทำหัตถการแล้วแพทย์สงสัย 3. ผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้าไอซียู และ 4. การสุ่มตรวจเป็นระยะๆ