กรมวิทย์ เผยผลตรวจโควิดเชิงรุกจาก "น้ำลาย" 6.3 พันตัวอย่าง ตรวจพบติดเชื้อแค่ 1 ตัวอย่าง หนุนข้อมูลไทยมีอัตราติดเชื้อในชุมชนต่ำมาก เร่งตรวจทั่วไทยเกือบ 9 หมื่นรายให้จบใน มิ.ย.นี้
วันนี้ (5 มิ.ย.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง ด้วยการตรวจจากน้ำลายส่วนลึกในลำคอ นำร่องเขตสุขภาพที่ 4 และ 5 เช่น กลุ่มแรงงานต่างด้าว กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่มผู้ขับรถรับจ้างและขนส่งสาธารณะ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น รวม 6,380 ตัวอย่าง พบผลบวก 1 ตัวอย่าง และผลลบ 6,379 ตัวอย่าง ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่า การระบาดในประเทศไทยมีอัตราที่ต่ำมาก เนื่องจากไม่พบการระบาดในชุมชน ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่พบนั้นล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น
นพ.โอภาสกล่าวว่า ผลการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงนี้ทำให้ได้ข้อมูลเชิงระบาดที่มีความสำคัญต่อการวางมาตรการควบคุมโรคในระยะถัดไป ซึ่งกรมควบคุมโรคร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะขยายการคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงและชุมชนทั่วประเทศ และเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) 89,993 ราย ให้แล้วเสร็จใน มิ.ย.นี้ เบื้องต้นในเขต กทม. ได้ตรวจไปแล้วทั้งสิ้น 4,856 จากเป้าหมาย 15,000 ราย พบผลตรวจเป็นลบทั้งหมด นอกจากนี้ การศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ใช้การบ้วนน้ำลาย ความไวร้อยละ 84.2% ความจำเพาะ 98.9% และมีผลสอดคล้องกับการเก็บตัวอย่างวิธีมาตรฐาน NP Swab 97.5%
นพ.โอภาสกล่าวว่า การเก็บตัวอย่างน้ำลายสามารถทำได้ทุกเวลา แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ ช่วงเช้าหลังตื่นนอน และไม่ควรแปรงฟัน หรือใช้น้ำยาบ้วนปาก ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง ก่อนเก็บน้ำลายอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้รบกวนการแปลผลได้ นอกจากนี้การตรวจเชื้อโควิด-19 จากน้ำลาย จะไม่ใช้ตรวจในกลุ่ม PUI ผู้สัมผัสที่เกี่ยวข้องกับวงระบาด และในกลุ่มที่มีอัตราการตรวจพบโควิด-19 สูง ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นต้องเก็บตัวอย่างแต่ไม่มีป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เท่านั้น