“หมอบุ๋ม” เผยมีผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 1 ราย กลับมาจากซาอุดีอาระเบีย ผ่านด่านปาดังเบซาร์ ไม่พบการติดเชื้อในประเทศต่อเนื่อง ผู้ป่วยสะสมรวม 3,084 ราย กลับบ้านรวม 2,968 ราย เหลือรักษาตัว 58 ราย ย้ำร่วมกันใช้ชีวิตวิถีใหม่ เพื่อให้ปลดล็อกระยะถัดไป ไม่กลับไปสู่จุดเดิม ต้องถูกปิดกิจการอีก
วันนี้ (3 มิ.ย.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานโควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 1 ราย กลับบ้านเพิ่ม 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสม 3,084 ราย แบ่งเป็นอยู่ในสถานกักกัน 147 ราย และติดเชื้อภายในประเทศ 2,444 ราย กลับบ้านรวม 2,968 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย และรักษาใน รพ. 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 26 ปี กลับมาจากซาอุดีอาระเบียถึงกัวลาลัมเปอร์ และเข้าไทยผ่านด่านปาดังเบซาร์ โดยรถบัสวันที่ 25 พ.ค. ผลตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ และเข้าพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ จ.ปัตตานี การตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 31 พ.ค. ตรวจพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ จึงส่งตัวรักษาที่ รพ.ใน จ.ปัตตานี แปลว่าไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศในวันนี้
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ตั้งแต่ ก.พ.- 3 มิ.ย. พบผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐจัดให้ 147 ราย เป็นชายมากกว่าหญิง คือ 6.35:1 อายุเฉลี่ย 39 ปี ต่ำสุด 15 ปี สูงสุด 77 ปี ประเทศต้นทางที่กลับมาแล้วพบผู้ป่วยมากที่สุด 5 อันดับ คือ อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต ปากีสถาน และคาซัคสถาน ทั้งนี้ ผู้ป่วยสะสมทั้งหมด ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้ามากที่สุด ส่วนผู้ป่วยที่เข้ามาอยู่ในสถานกักกันอยู่อันดับที่ 6 แต่หากเป็นช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นผู้ป่วยที่พบในสถานกักกันของรัฐมากที่สุด ตามด้วยการไปสถานที่ชุมชน แสดงว่ายังมีการติดเชื้อในชุมชน จึงขอให้ใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าตลอดที่ออกมาข้างนอก
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า วันที่ 1 มิ.ย. มีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 มีกิจการหลายประเภท กลับมาเปิดได้ตามปกติ พี่น้องประชาชน สามารถใช้ชีวิตตามปกติมากยิ่งขึ้น ที่บอกตลอด คือ ความปกตินั้นไม่ใช่ความปกติเดิม แต่เป็นความปกติใหม่ หรือชีวิตวิถีใหม่ หลายคนอาจรู้สึกว่าขัดใจ ไม่คุ้นชิน ไม่สะดวกสบายบ้าง มาตรการต่างๆ ที่ออกมาเพื่อไม่ให้เกิดการะระบาดของเชื้อซ้ำใหม่ ทั้งผู้ประกอบกิจการ ผู้รับบริการ เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ มีการสแกนอุณหภูมิเข้าร่างกายก่อนเข้า การสแกนคิวอาร์โคดผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของเชื้อซ้ำอีก หากระบาดจริงๆ ก็ป้องกันและจำกัดวงให้แคบที่สุด และสามารถติดตามผู้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิด นำมาตรวจคัดกรองและรักษาได้ทัน
“จะเห็นจากบทเรียนหลายประเทศทั่วโลก เมื่อปลดล็อกผ่อนคลายแล้วกลับมาระบาดของโรคซ้ำใหม่ ประเทศไทยและประชาชนร่วมมือกันได้ คือ ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า มีมาตรการผ่อนคลายระยะถัดไป หรือผ่อนคลายจนทุกอย่างปกติ เพื่อไม่ให้ถอยหลังกลับมาที่จุดเดิม หรือปิดกิจการที่เคยปิดไปแล้ว ช่วงแรกอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผ่านไปทุกคนจะปรับตัวให้เข้าชีวิตวิถีใหม่และกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง” พญ.พรรณประภา กล่าว
