xs
xsm
sm
md
lg

“แว่นกันแดดสำหรับเด็ก” ใครว่าไม่สำคัญ/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ก่อนที่จะเปิดภาคเรียนคุณพ่อคุณแม่คงอยากพาลูกๆออกจากบ้านไปทำกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อผ่อนคลายอารมณ์และจิตใจกันสักเล็กน้อย สิ่งจำเป็นนอกจากหน้ากากผ้าติดตัวและการเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆแล้ว ก็ไม่ควรเพลิดเพลินจนหลงลืมอันตรายจากแสงแดดเจิดจ้าในฤดูร้อน โดยเฉพาะกับสุขภาพดวงตาอันบอบบางของเด็กๆที่ต้องดูแลเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

กิจกรรมกลางแจ้งทั้งหลายมักต้องอาศัยแสงแดดหรือแสงจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบวัตถุและสะท้อนเข้าสู่ดวงตาช่วยให้เด็กๆเปิดมุมมองต่อโลกกว้างที่สวยงามสดใส สร้างเสริมประสบการณ์แปลกใหม่จากการค้นหาและเรียนรู้ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการทำกิจกรรมในห้องแคบๆ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องไม่ลืมว่าในแสงแดดมีคลื่นแสงพลังงานสูงอย่างรังสีอัลตราไวโอเล็ต (Ultraviolet : UV) ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอยู่ด้วยเสมอ หากปล่อยให้

รังสี UV ผ่านเข้าสู่จอประสาทตา (Retina) ในปริมาณมากจนทำลายเซลล์ที่ทำหน้าที่สื่อกระแสประสาทก็จะเกิดผลเสียต่อความสามารถในการมองเห็นของเด็กได้
รังสี UV ที่มีความเกี่ยวพันกับการใช้ชีวิตของคนเรามากที่สุดจะเป็นรังสีชนิด UV A และ UV B ซึ่งเป็นคลื่นแสงความยาวคลื่นสั้นในช่วงระหว่าง 280-400 นาโนเมตร (nm) เนื่องจากสามารถทะลุทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาได้ในปริมาณมาก จึงมีโอกาสเข้าสู่ดวงตาและส่งผลกระทบต่อความสามารถในการมองเห็นได้ในหลายลักษณะ ตั้งแต่ทำให้เยื่อบุตาเสื่อมสภาพและเกิดการระคายเคือง กระจกตาอักเสบหรือมีอาการไหม้แดด กระตุ้นให้เลนส์ตาเสื่อมก่อนวัยจนเกิดความขุ่นมัวเสียความใส และอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเซลล์จอประสาทตาถูกทำลายจนสูญเสียความสามารถในการมองเห็นอย่างถาวร

ในขณะที่กลไกป้องกันดวงตาตามธรรมชาตินั้นมักถูกกระตุ้นในทางกายภาพจากปริมาณแสงแดด ฝุ่นละออง หรือการกระทบกระแทกที่จะเข้ามาทำให้ดวงตาเกิดการบาดเจ็บหรือระคายเคือง แต่มีข้อจำกัดในการตอบสนองต่อการป้องกันรังสี UV เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาดวงตาของเด็กๆให้มีสุขภาพที่ดีได้อย่างยืนยาว “แว่นกันแดดสำหรับเด็ก” ที่ช่วยลดทอนปริมาณแสงและสามารถป้องกันรังสีทั้งชนิด UV A และ UV B ได้ดีจึงเข้ามาเป็นอุปกรณ์ตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกใช้ อาจกล่าวได้ว่าปัญหาสุขภาพดวงตานั้นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แว่นกันแดดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในการป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมุมมองและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยต่อการให้เด็กสวมใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง เนื่องจากแว่นกันแดดสำหรับเด็กมักถูกออกแบบมาให้มีสีสันสดใสและมีรูปทรงที่แปลกตา หรือทำลวดลายเป็นตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบเพื่อดึงดูดใจให้เด็กอยากสวมใส่บ่อยๆ ทำให้ถูกมองข้ามเรื่องประโยชน์ใช้สอยและตีค่าเป็นของเล่นหรือของใช้ฟุ่มเฟือยที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเมื่อเด็กรบเร้าอยากได้จึงซื้อแว่นกันแดดที่ไม่มีคุณภาพซึ่งมีคุณสมบัติไม่เพียงพอต่อการป้องกันรังสี UV มาใช้ จนเกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีที่ยิ่งตอกย้ำความเป็นของเล่นแฟชั่นสำหรับเด็ก

ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่เด็กจะใส่ใจให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพดวงตาของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำในการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้งานแว่นกันแดดเสียก่อน เพื่อให้สามารถเลือกใช้แว่นกันแดดที่มีคุณภาพ มีความคุ้มค่าและเหมาะสมกับการใช้งานในกิจกรรมและความชอบต่างๆของเด็กได้เป็นอย่างดี โดยพิจารณาจากประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1.เน้นความคุ้มค่า ความคุ้มค่าเป็นการเปรียบเทียบระหว่างราคาที่จ่ายกับคุณภาพที่ได้รับ แว่นกันแดดที่ดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่ต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV A และ B ได้ถึงประมาณ 99% และครอบคลุมความยาวคลื่นที่ 400 นาโนเมตร (nm) เป็นสำคัญ

2.เน้นความพอดี แว่นกันแดดที่เหมาะสมจะต้องมีขนาดที่พอดีกับใบหน้าของเด็ก โดยทั่วไปผู้ผลิตมักจะแบ่งขนาดตามช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่นให้เลือกใช้ หากเลือกขนาดที่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปจะทำให้ไม่คล่องตัวและไม่สามารถปกปิดช่องว่างที่รังสี UV จะเล็ดลอดเข้าไปสู่ดวงตาได้

3.เน้นความทนทาน โดยมากเรามักเลือกแว่นจากสีของเลนส์ที่ชอบซึ่งไม่สำคัญเท่ากับความทนทานของวัสดุที่นำมาใช้ การเลือกแว่นกันแดดสำหรับเด็กจึงต้องพิจารณากรอบและเลนส์ที่ทำมาจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่น ทนทานและเกิดรอยขีดข่วนได้ยาก ไม่มีส่วนมีคมหรือแตกหักง่ายจนทำให้เป็นอันตราย

4.เน้นความเคยชิน ในขณะที่ทำกิจกรรมเด็กจะรู้สึกเคอะเขินและไม่มั่นใจหากต้องใส่แว่นกันแดดเพียงลำพัง บางครั้งก็รู้สึกรำคาญและเคลื่อนไหวไม่สะดวกจนไม่อยากใส่ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยได้โดยสวมใส่เป็นเพื่อน เลือกแบบและสีสันที่ดึงดูดใจให้ใส่บ่อยๆจนเกิดความคุ้นเคยและมีความมั่นใจ

5.เน้นการสังเกต ในการใช้งานจริงนั้นแว่นกันแดดที่เลือกมาอาจไม่สามารถใช้งานได้ตามที่คาดหวัง จึงต้องหมั่นสังเกตและสอบถามถึงการใช้งานอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องความรู้สึกสบายตา การมองเห็นภาพคมชัดไม่บิดเบือนหรือหลอกตา รวมทั้งไม่มีอาการข้างเคียง อาทิ ปวดหัว คลื่นไส้หรือระคายเคืองตา

6.เน้นความจำเป็น ดวงตาของเด็กนั้นบอบบางและไวต่อการกระตุ้นของแสงและรังสี UV ถึงแม้ว่าจะเตรียมเลือกแว่นกันแดดมาอย่างดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ทั้งหมด ทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในขณะที่มีแดดแรงมากซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อเด็กได้

การทำกิจกรรมกลางแจ้งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้สร้างเสริมประสบการณ์ให้กับเด็กๆมักมาพร้อมกับอันตรายจากแสงแดดที่มีผลต่อสุขภาพดวงตา ก่อนออกจากบ้านคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมที่จะหยิบแว่นกันแดดให้เด็กๆสวมใส่ระหว่างเล่นสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งกันด้วยนะ


กำลังโหลดความคิดเห็น