หลายคนอาจจะสงสัยว่ายาเคมีบำบัด จะทำให้คนไข้ที่รักษาโรคมะเร็ง มีความเสี่ยงเสียชีวิตจริงหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริง ยาเคมีบำบัดไม่ได้ทำให้คนไข้เสียชีวิต แต่อาจทำให้มีผลข้างเคียงเช่นคนไข้ที่มีการติดเชื้อเนื่องจากเม็ดเลือดขาวต่ำ
นพ.ธเนศ เดชศักดิพล อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) คือยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งต่าง ๆ มีทั้งรูปแบบฉีด และรับประทาน ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านหรือทำลายเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ในปัจจุบันมีการพัฒนายาเคมีบำบัดชนิดใหม่ ๆ ของแต่ละโรค ที่ให้ผลข้างเคียงน้อยลง โดยการให้ยาเคมีบำบัดจะต้องพิจารณาผู้ป่วยแต่ละบุคคล เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ค่าการทำงานขอบตับ และไต เป็นต้น
แล้วทำไมเราจึงเห็นผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดแล้วเสียชีวิต ก็เพราะมีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งที่มักมาพบแพทย์ในขณะที่โรคมีหลายตำแหน่ง และเยอะพอสมควร รวมถึงสภาพร่างกายที่เมื่อมีโรคที่กระจายเยอะพอสมควร ก็จะมีความแข็งแรงน้อยกว่าผู้ป่วยโดยทั่วไป
อย่างไรก็ตาม มีคนไข้กลุ่มหนึ่งแต่จำนวนน้อยมาก ที่มีผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดจนเสียชีวิต เช่น ติดเชื้อเนื่องจากเม็ดเลือดขาวต่ำ ดังนั้นการรับยาเคมีบำบัดจึงจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์เฉพาะทาง พยาบาล และเภสัชกร รวมถึงผู้ดูแลด้านอื่น ๆ ก็จะเกิดความปลอดภัย และผลข้างเคียงน้อยที่สุด โดยอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น คลื่นไส้อาเจียน, ผมร่วง, แผลในปาก, ปริมาณเม็ดเลือดลดลง เป็นต้น ส่วนอาการข้างเคียงที่ต้องปรึกษาแพทย์ เช่น มีเลือดออกหรือเป็นแผลในปากมาก, มีผื่นหรืออาการแพ้, มีไข้ หนาวสั่น, ปวดมากบริเวณที่ฉีด, หายใจลำบาก, ท้องเดินหรือท้องผูกอย่างรุนแรง, ปัสสาวะหรืออุจจาระมีเลือดปน
สำหรับการดูแลตัวเองระหว่างและหลังจากการให้ยาเคมีบำบัด ขณะได้รับยาคนไข้ควรสังเกตผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา ถ้ารู้สึกปวด บวม แดง หรือสงสัยว่ามียารั่วซึมออกนอกหลอดเลือด ต้องแจ้งพยาบาลทันที หลังจากได้รับยาควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับสารเคมีที่อาจตกค้างในร่างกายออกทางปัสสาวะ และรับประทานอาหารสุกสะอาด หลีกเลี่ยงไปสถานที่ชุมชนที่คนแออัด