สปสช. เตรียมปรับปรุงงบบัตรทองปี 63 และจัดสรรงบขาลงปี 64 ใหม่ หลังรับผลกระทบจาก “โควิด” เหตุบางบริการถูกงด บางบริการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คาดยังคงมีผลกระทบต่อเนื่อง ต้องจัดสรรงบให้เหมาะสมให้ รพ. พร้อมประเมินคนตกงานถูกโอนมาสิทธิบัตรทองอีกหลายแสนคน
วันนี้ (7 พ.ค.) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ได้ประชุมเตรียมจัดสรรงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ปี 2564 จำนวน 194,508.78 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่าย 177,198.99 ล้านบาท หรือ 3,719.23 บาทต่อประชากร เมื่อหักเงินเดือนหน่วยบริการรัฐ สปสช.จะได้รับงบ 142,364.81 ล้านบาท ในการนำมาจัดสรรให้หน่วยบริการ ซึ่งนอกจากค่าบริการหลัก คือ บริการผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ยังมีการพิจารณางบเพื่อดำเนินการในส่วนบริการใหม่ อาทิ ห้องฉุกเฉินคุณภาพ ร้านยาคุณภาพ การบริการฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง บัญชียา จ.2 ใหม่ (ยาจำเป็นที่มีราคาแพง) และการฝังเข็มในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลและเข้าถึงบริการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เพื่อเห็นชอบต่อไป
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ป่วย ทำให้การให้บริการในบางรายการลดลง เช่น บริการการแพทย์แผนไทย การนวดรักษา การบริการฟื้นฟูสุขภาพในชุมชน ที่ผ่านมา หน่วยบริการได้ระงับการให้บริการชั่วคราว เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การบริการในปีนี้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และบางรายการเพิ่มขึ้น อาทิ การจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้ผู้ป่วยเรื้อรัง การให้ผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้าน และการตรวจคัดกรองติดเชื้อโควิด-19 ก่อนทำหัตถการ รวมถึงอุปกรณ์ในการป้องกัน ดังนั้น สปสช.จึงได้มีการหารือและเตรียมพิจารณาเพื่อปรับงบประมาณที่จัดสรรให้เกิดความเหมาะสมทั้งในส่วนของงบประมาณปี 2563 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และปีงบประมาณ 2564 ที่กำลังมาถึง รวมถึงการปรับรูปแบบการบริการของหน่วยบริการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจยังคงต่อเนื่องต่อไป คงต้องนำทั้งหมดมาประเมิน เชื่อว่า ในท้ายสุดยังคงต้องมีงบประมาณมาเสริมการปฏิบัติงานให้แก่หน่วยบริการต่อไป
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการปิดบริการต่างๆ ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างและมีผู้ที่ตกงานจำนวนมาก ทำให้มีประชาชนที่โอนการรักษาพยาบาลมายังสิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่า จะมีจำนวนหลายแสนคน ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังได้หารือให้ทำการตรวจสอบงบประมาณที่ยังขาดตกบกพร่อง และโครงการที่จำเป็นในการดูแลประชาชนแต่ยังไม่มีงบประมาณรองรับ เพื่อจัดทำคำของบประมาณเพิ่มเติมภายใต้งบประมาณเงินกู้ 45,000 ล้านบาท และงบกลางที่รัฐบาลกำลังเตรียมการโอนงบประมาณมาช่วย ตามที่รัฐบาลมอบให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ เพื่อสนับสนุนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ