ศบค.เผยตรวจกิจการผ่อนปรนเกือบ 1.3 หมื่นแห่ง พบปฏิบัติตาม 1.2 หมื่นแห่ง ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค 449 แห่ง คิดเป็น 3.45% ลดลงจากวันก่อน ห่วงกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตในห้าง ตลาด ไม่ปฏิบัติตามเพิ่มขึ้น เผย หากพบคนไม่ปฏิบัติตามไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่มาตรวจ แต่ให้ช่วยกันเตือน
วันนี้ (6 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงผลการตรวจกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนปรน ว่า วันที่ 5 พ.ค.ได้ตรวจทั้งสิ้น 12,996 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค 12,547 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 449 แห่ง คิดเป็น 3.45% ซึ่งหากเทียบ 3 วันที่มีการออกตรวจ โดยวันที่ 3 พ.ค. ไม่ร่วมมือปฏิบัติตาม 312 แห่ง คิดเป็น 4.88% วันที่ 4 พ.ค. ไม่ปฏิบัติตาม 351 แห่ง คิดเป็น 3.74% และวันที่ 5 พ.ค. ไม่ร่วมมือ 449 แห่ง คิดเป็น 3.45% ก็ถือว่าลดลง เพราะมีการตรวจกิจการเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่กิจการยังคงร่วมมือต้องขอขอบคุณ เห็นภาพร้านอาหารที่กั้นฟิล์มพลาสติกต่างๆ แนวโน้มก็ดีขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อแยกเป็นประเภท พบว่า 1. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ตรวจ 4,559 แห่ง พบปฏิบัติ 4,403 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 156 แห่ง คิดเป็น 3.4% ลดลงจากเมื่อวาน 3.3% 2. ซูเปอร์มาร์เก็ต สินค้าจำเป็น ในห้างสรรพสินค้า ออกตรวจ 541 แห่ง ปฏิบัติ 526 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 15 แห่ง คิดเป็น 2.7% เพิ่มขึ้น 1% 3. ตลาด ร้านค้าปลีก ออกตรวจ 3,851 แห่ง ปฏิบัติ 3,690 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 161 แห่ง คิดเป็น 4.1% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 2.6%
4. ร้านเสริมสวย ออกตรวจ 3,014 แห่ง ปฏิบัติ 2,925 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 89 แห่ง คิดเป็น 2.9% ลดลงจากเมื่อวาน 0.2% 5. สนามกอล์ฟ ออกตรวจ 116 แห่ง ปฏิบัติตาม 115 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 1 แห่ง คิดเป็น 0.8% จากที่เมื่อวานปฏิบัติทั้งหมด 6. สนามกีฬา ออกตรวจ 284 แห่ง ปฏิบัติ 273 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 11 แห่ง คิดเป็น 3.9% ลดลงจากเมื่อวาน 0.8% 7. สวนสาธารณะ ออกตรวจ 386 แห่ง ปฏิบัติ 375 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 11 แห่ง คิดเป็น 2.8% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 1.1% และ 8. ร้านสัตว์เลี้ยง ออกตรวจ 245 แห่ง ปฏิบัติ 240 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 5 แห่ง คิดเป็น 2% สัดส่วนเท่ากับเมื่อวาน
“อยากให้ 100% ช่วยกันทำให้ดี และเราจะได้มีความปลอดภัย และมาตรการที่สั่งออกมาทุกคนช่วยกันทำตามนั้น จะเป็นการป้องกันและควบคุมโรคได้ในที่สุด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวและว่า สำหรับกิจการที่ไม่ปฏิบัติตามนั้น บทลงโทษตามกฎหมายก็มี แต่เจตนาของกฎหมายที่ออกมาไม่ได้ต้องการให้ถูกลงโทษ แต่กำหนดเพื่อให้ร่วมมือ ถ้าร่วมมือแล้วก็จะควบคุมโรค ดีต่อสุขภาพ ครบอครัว และประเทศไทย แต่อยากจะบอกว่ามีตัวอย่างดีๆ หลายอย่างที่คร่วมมือ หรือถ้าไม่ร่วมมือก็มีตัวอย่างดีๆ เช่น บ้านสิเกา จ.ตรัง ลงโทษคนไม่สวมหน้ากากอนามัยที่จุดคัดกรอง โดยให้วิดพื้น ได้ผลเกินคาด ไม่พบผู้กระทำผิดซ้ำในเรื่องของการป้องกันแพร่ระบาด บางทีอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็เตือนอย่างพี่น้อง เช่นเดียวกันร้านค้าต่างๆ ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่มาเตือน ตนผ่านบางตลาดแม่ค้าตักของอยู่ก็ใส่หน้ากากอนามัย แต่บางคนก็ใส่เพียงแค่ปิดที่ปาก จมูกก็ยังโผล่ไว้ จริงๆ ก็ควรจะต้องปิดทั้งหมด และถ้าแม่ค้าคนไหนไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ต้องรอให้มาตรวจ ให้บอกเลยว่าใส่ เพราะเวลาพูดคุยกับเราจะเอาเท่าไร กี่บาท น้ำลายลงไปแล้ว และจะมีความมั่นใจหรือ ต้องบอกแม่ค้าเดี๋ยวนั้นเลยว่าใส่หน้ากาก ที่ต้องทำคือเตือนทุกคนที่เห็น