MGR Online - ชุดสายตรวจร่วมพบสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค 350 แห่ง เบื้องต้นว่ากล่าวตักเตือน ให้ปรับปรุงก่อน แต่หากยังฝ่าฝืนเสนอผู้มีอำนาจสั่งปิดทันที ขณะคืนที่ผ่านมาจับฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 678 ราย
วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติของสายตรวจร่วมในการตรวจสถานบริการ หรือ จัดกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายตามมาตรการของรัฐบาล ว่า จากการตรวจสอบของสายตรวจร่วม สำหรับสถานที่ได้มีการผ่อนปรนให้เปิดได้ อาทิ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ คอมมูนิตี้มอลล์, ร้านค้าปลีก ค้าส่งขนาดย่อม, ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย, สนามกอล์ฟ สนามซ้อม, สนามกีฬา, สวนสาธารณะ, ร้านดูแล รักษาสัตว์ กว่า 9,400 แห่ง ทั่วประเทศ พบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนกว่า 350 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนและให้คำแนะนำกว่า 2,600 แห่ง
“เบื้องต้น หากผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบริการ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด หลังผ่อนคลายมาตรการให้กิจกรรมและกิจการบางอย่างเปิดให้บริการได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย ทหาร ฝ่ายปกครอง และ สาธารณสุข ซึ่งเป็นชุดสายตรวจร่วมปฏิบัติ ในการตรวจสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรน จะใช้วิธีว่ากล่าวตักเตือน และให้ดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การรักษาความสะอาด การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิ และหากพบว่ายังมีการฝ่าฝืน ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอีก จะเสนอผู้มีอำนาจสั่งปิดสถานที่ที่ฝ่าฝืนนั้น” รองโฆษก ตร. กล่าว และว่า ในส่วนภาพรวม การดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว ห้วงเวลา 22.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. 63 ถึง เวลา 04.00 น. ของวันที่ 5 พ.ค. 63 ยังพบผู้ฝ่าฝืน ออกนอกเคหสถาน รวมกลุ่ม ชุมนุม และมั่วสุมในเคหสถาน กว่า 678 ราย
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันระมัดระวังตนเองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เพราะถือเป็นอันตรายกับตนเองและสถานประกอบการ ร้านค้า ที่เปิดขายด้วย ซึ่งการใช้บริการภายในสถานที่ที่มีความแออัด ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด มีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อของเชื้อโควิด-19 ได้ง่าย ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ขอความร่วมมือประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้า ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติ เข้มงวด ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง