ศบค.ชี้ ประกาศห้ามขายเหล้า เป็นคำสั่งของแต่ละจังหวัด ย้ำ มาตรการตามประกาศฉุกเฉินให้บังคับใช้ต่อ ส่วนคำสั่งอื่นให้รอสั่งการเชิงนโยบาย ยันการวัดอุณหภูมิที่ข้อมืออาจทำให้ได่ค่าต่ำลง อาจไม่เจอไข้ ยังควรวัดที่หน้าผาก ชี้นักท่องเทีย่วจีนยังเข้าไทยไม่ได้ เหตุไทยยังขยายห้ามบิน
วันนี้ (29 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงข้อสงสัยเรื่องการขยายเวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเริ่มวันที่ 3 พ.ค.นี้ เท่ากับว่า วันที่ 1-2 พ.ค.ให้ขายได้หรือไม่ ว่า ยังไม่มีข้อสรุปเป็นอย่างนั้น จากการตรวจสอบกับกระทรวงมหาดไทย ยังมีการพูดคุยกัน หากติดตามการรายงานของ ศบค. การประกาศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย เป็นประกาศของแต่ละจังหวัดกันไป อย่างใกล้ๆ สงกรานต์จังหวัดไหนบ้างที่ปิดห้ามขายสุรา ที่สุดแล้วก็มีการละการขายกันทั้งหมด เป็นเหตุทำให้ตัวเลขการเสียชีวิตและบาดเจ็บช่วงสงกรานต์ลดน้อยอย่างชัดเจน คำสั่งนั้นยังเป็นคำสั่งของพื้นที่อยู่
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตนรับทราบว่า ตอนนี้มีเอกสารที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง ว่า ประกาศที่นายกฯ ประกาศตามสถานการณ์ฉุกเฉินให้มีผลบังคับใช้ต่อไปจนกว่าจะมีผลเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ขอให้ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด การออกคำสั่งหรือประกาศของจังหวัดที่เกี่ยวข้องให้รอการสั่งการเชิงนโยบายจาก ศบค.ก่อน เพื่อให้เกิดเอกภาพพร้อมกันทั่วประเทศ และมีข้อกฎหมายรองรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องปฏิบัติต่อไป ภายในสัปดาห์นี้คงมีข้อสรุป อาจมีรายละเอียดพอสมควร มหาดไทยคงจะแจ้งต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ ผ่อนคลายลงหรือยัง ก็ผ่อนคลายลง แต่ยังวางใจไม่ได้ มาตรการที่เราคุมเชื้อได้ดีขึ้นแสดงถึงศักยภาพของเราจากภาครัฐร่วมกับประชาชนและเอกชน แต่บางประเทศผ่อนปรนเกิดระบาดระลอก 2 ขึ้นมา สิ่งที่เราจะผ่อนคลายจะต้องทำอย่างระมัดระวังในทุกก้าวเดินที่ประกาศออกไป แสดงถึงความสุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น มาตรการนี้ ผอ.ศบค.ใช้เวลาพอสมควร ให้คณะทำงานชุดต่างๆ ช่วยกันคิด หามาตรการมาและดูผลกระทบด้วย เรื่องสุขภาพมาก่อน มาตรการทางเศรษฐกิจตามมา ก่อนออกในวันที่ 1 พ.ค. คงเห็นภาพการผ่อนคลายอย่างที่ว่า ข่าวต่างๆ ที่ออกมาขอให้รอก่อน ออกจาก ศบค.ถึงเป็นที่ยืนยัน เป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ
เมื่อถามถึงกรณีร้านอาหาร ร้านตามสั่ง หากกลับมาเปิดได้ต้องมีมาตรการอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีเรื่องของผู้ประกอบการกับผู้มาใช้บริการ หากเป็นกิจการอะไรก็ตาม ยึดหลักกินร้อน ช้อนส่วนตัว หน้ากากอนามัย เป็นพื้นฐาน เว้นระยะห่างในสถานประกอบการ การสัมผัสอะไรต่างๆ ที่จะให้บริการจะมีรายละเอียดปลีกย่อยของกิจการแต่ละชนิด การพูดคุยในระดับ ศบค. อนุกรรมการกลุ่มย่อย ทราบว่า มีการเตรียมการให้ผู้ประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะที่มีสมาคมชมรม ต่างมีการเตรียมการกันอยู่ระดับหนึ่ง ก็ฝากส่งข้อมูลถึงกันและปรับตัวเองเข้ากับชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ส่วนผู้มารับบริการก็ต้องปรับให้สอดคล้องกัน ไม่ใช่ยังมาออหน้าร้านหรือแย่งคิว หากผู้รับบริการไม่รับทราบก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
“ถ้าทั้งสองส่วนยอมรับกติกาและยอมรับชีวิตวิถีใหม่ จะทำให้เราห่างไกลจากการติดเชื้อได้ จะประสบความสำเร็จ ถ้าทั้งสองส่วนมีส่วนใดบกพร่องไปบ้าง เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น อาจไม่เป็นหลักเดียว อาจเป็นเหมือนประเทศอื่น ทะลุเป็นหลักหมื่นในเวลาไม่เท่าไร และที่เราทำมาอย่างดีจะพังครืนลงไป การเสียงบประมาณก็ต้องมาทุ่มเทไปอีก ช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านนี้เราระมัดระวังมาก ก็พยายามเตรียมตัวเองในการเข้าสู่วิถีใหม่ให้ได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ถามถึงกรณีการตรวจวัดอุณหภูมิข้อมือใช้ได้หรือไม่ เพราะการวัดที่หน้าผากจะใกล้จมูกทำให้กังวล นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มือในห้องแอร์จะเย็นกว่าปกติ ส่วนกลางหน้าผากยังอุ่นอยู่ ถ้าวัดอุณหภูมิที่ข้อมืออาจได้ตัวเลขต่ำกว่าหน้าผาก เวลาคนมีไข้ไหมจะมาแตะหน้าผาก เพราะเป็นส่วนกลางของลำตัว คงอุณหภูมิได้ดีที่สุด แต่ปลายมือเส้นเลือดเล็กๆ อากาศหนาวๆ หน่อย เส้นเลือดไม่ไปเลี้ยงที่ปลายมือ มือเราก็เย็น ถ้าใช้ข้อมือวัดจะไม่ได้เจอคนที่มีไข้เลย หรือเจอก็น้อยมาก ถ้าวัดที่หน้าผากก็จะได้อุณหภูมิใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่า
เมื่อถามถึงการคงวันหยุดนักขัตฤกษ์ไว้ ต้องคุมเข้มรอบต่อจังหวัดหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ ให้ชะลอหรืองดการเดินทางข้ามจังหวัด เว้นสำคัญจริงๆ ก็ขอความร่วมมือ ตอนนี้ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ค่อยสนุก เพราะสถานที่ต่างๆ ก็ยังปิดอยู่ และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงตัวเอง ตอนนี้ยังมีการแพร่ระบาดของโรค แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน การหยุดอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติยังจำเป็นอยู่
ถามถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนขอมาท่องเที่ยวประเทศไทยเดือน พ.ค. นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คงเป็นไปได้ยาก เพราะการประกาศขยายเวลาห้ามอากาศยานบินเข้าสู่ประเทศไทยชั่วคราวมีการขยายออกไป เป็นคำสั่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยตั้งแต่ 1-31 พ.ค.ว่าห้ามบิน นักท่องเที่ยวก็ยังมาไม่ได้ เราพยายามดูแลคนภายในประเทศก่อน เรื่องการท่องเที่ยวอาจไว้ทีหลัง
“การผ่อนปรนที่เกิดขึ้นต้องได้รับความร่วมมือผู้ประกอบการให้ประชาชนในฐานะผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการก็หลายส่วนหลายฝ่าย บางคนอยากจะเริ่มเลย มาตรการต่างๆ ต้องคิดอย่างถี่ถ้วน ขอให้ท่านทำความเข้าใจ เข้าใจพวกเรา พยายามผ่อนปรนก็เพื่อคนไทยทุกคน เพื่อคงตัวเลขหลักเดียวให้ได้นานที่สุด จนกว่าตัวเลขทั้งโลกจะลดลง” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว