xs
xsm
sm
md
lg

ต่างด้าวผิด กม.ยังไม่มีติดโควิดเพิ่ม แจงผ่อนปรนดูตามกิจการ ให้เปิดได้ทุก จว. ป้องกันข้ามพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ต่ำสิบในรอบ 6 สัปดาห์ แต่ยังพบติดเชื้อภายในบ้านสูง ผัวเมียติดกันเองมากสุด แจงสอบสวนโรคต่างด้าวผิด กม.ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อแล้ว ไม่มีใครติดเพิ่ม ส่วนผ่อนปรนดูตามประเภทกิจการ หากเปิดให้เปิดทุกจังหวัด ป้องกันคนแห่ข้ามพื้นที่ ย้ำใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ขอยังทำงานที่บ้านเหมือนเดิม ตลาดน้ำท่องเที่ยวเปิดได้ แต่อาจให้จองคิวเข้า

วันนี้ (27 เม.ย.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เป็นเลขตัวเดียว ต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ซึ่งที่พบผู้ป่วยยังเป็นเพียงบางพื้นที่ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่มีผู้ป่วยก่อนหน้านี้ และคนรับเชื้อมาจากต่างประเทศ โดย 2 ใน 9 ราย เดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกาและเข้าอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้น การเดินทางมาจากต่างประเทศยังมีความเสี่ยงอยู่ ส่วน 2 รายติดจากคนในครอบครัว คือ ภรรยาติดจากสามี และสามีติดจากภรรยา จากข้อมูลพบว่าอัตราการติดเชื้อในครอบครัวสูง โดยติดจากสามีหรือภรรยาเกือบ 50% ติดลูกหรือพ่อ แม่อยู่ที่ 15-16% ฉะนั้นในครอบครัวจึงต้องป้องกัน เลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด เว้นระยะห่าง ใช้หน้ากากในบ้าน แยกของใช้ แยกสำรับอาหาร เป็นต้น

นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับผลสอบสวนโรคกลุ่มต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย 42 คนที่ศูนย์กักกัน จ.สงขลา พบว่า มีเหตุจากการที่พบผู้ป่วยติดเชื้อเป็นแรงงานต่างด้าวตั้งแต่ต้น เม.ย. ส่วนใหญ่อายุน้อย วัยฉกรรจ์ จึงมีอาการไม่มาก ทำให้มีการติดเชื้อระหว่างกันในระหว่างต้องขัง เบื้องต้นยังไม่มีใครอาการรุนแรงถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนกลุ่มผู้ปฏิบัติงานด้วย นอกจากเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็ไม่พบมีการติดเชื้อเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ต้องขังที่อยู่คนละจุดก็ยังไม่พบการป่วย สรุปคือเกิดการระบาดจริงแต่อยู่ในวงจำกัดและป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อแล้ว

นพ.โสภณกล่าวว่า เมื่อผ่อนปรนมาตรการมีโอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้ แต่ถ้าระบบสาธารณสุขมีความพร้อม และทุกคนช่วยกันก็สามารถคุมจำนวนผู้ป่วยให้น้อยในระดับที่ระบบจะดูแลได้ ก็จะไม่ป่วยรุนแรง ไม่เสียชีวิต ซึ่งต้องติดตามต่อหลังมีผู้ป่วยต่ำกว่า 10 รายเป็นวันแรก ถ้าต่อไปแล้วแนวโน้มอยู่ในระดับนี้ แสดงว่ามาตรการมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าตัวเลขเพิ่มกลับขึ้นมา เป็นสัญญาณเตือนว่ามีจุดใดจุดหนึ่งจะต้องเข้าไปป้องกันหรือคุมให้อยู่ในระดับที่คุมได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่กลับมามีกิจกรรมทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันที่ผ่อนคลาย โอกาสมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นได้แน่นอน แต่ต้องพร้อมในการที่จะตรวจให้พบโดยเร็วและคุมในทันที

เมื่อถามถึงต้องจัดกลุ่มจังหวัดที่จะมีการคลายล็อกดาวน์หรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า แนวคิดล่าสุด คือ การให้เปิดได้ทุกจังหวัด แต่ต้องพิจารณาเป็นบางประเภทกิจการ โดยกิจการที่มีความเสี่ยงน้อยเปิดก่อน เพราะถ้าไม่เปิดพร้อมกันหมดจะเกิดปรากฏการณ์คนจากพื้นที่หนึ่งแห่ไปใช้บริการในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดซึ่งจะเสี่ยงเหมือนเดิม ดังนั้น เรื่องจังหวัดจึงมีความสำคัญน้อยกว่าเรื่องประเภทกิจการ แต่จังหวัดที่ไม่มีโรคเลยอาจจะเริ่มก่อน แต่ก็ห่างกันไม่มาก สิ่งสำคัญคือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การล้างมือ มีเจลล้างมือให้บริการ มีหน้ากากพร้อมใช้งานไว้คอยบริการ เน้นระบบการนัดหมายให้บริการ ส่วนที่ สธ.แบ่งพื้นที่เขียว เหลือง แดงนั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาดูด้วย แต่ใช้หลักแรกอย่างที่บอก การที่เราแบ่งพื้นที่เพื่อใช้ในการควบคุมทางระบาดวิทยา

นพ.โสภณกล่าวว่า ส่วนการทำงานที่บ้านยังอยากขอความร่วมมือประเภทกิจการที่สามารถทำตรงนี้ได้ เช่น ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ออฟฟิศเอกชน ฟรีแลนซ์ เป็นต้น หรืออาจจะทำวันเว้นวัน เหลื่อมเวลาทำงาน หรือปรับเพิ่มการทำงานเสาร์อาทิตย์ร่วมด้วยก็ได้ เพื่อลดความหนาแน่นในการเดินทาง เพราะอย่างตลาดคนค้าขายรายวัน ที่คนไปจับจ่ายใช้สอยคงกำหนดให้เปิดๆ ปิดๆ ได้ยาก ส่วนเรื่องตลาดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ตลาดน้ำ ส่วนตัวมองว่าก็สามารถเปิดได้ ก็ต้องจัดระเบียบเพื่อป้องกันโรค และข้อเสนอเรื่องการลงทะเบียนจองคิวเที่ยวก็เป็นแนวคิดที่ดี เพราะตอนที่เราไปเที่ยวบางสถานที่ในต่างประเทศยังต้องมีการจองคิวเที่ยวเป็นรอบ เรายังยอมรับและทำได้

“หากต้องการที่จะลดจำนวนผู้ป่วยในประเทศต่อไป การคงมาตรการส่วนบุคคล การป้องกันการแพร่และรับเชื้อด้วยการใช้หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า จมูก ตาหรือปาก เพราะมีโอกาสนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ ทำงานที่บ้าน เลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดโดยไม่ป้องกัน ถ้าทำต่อไปได้โอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็จะน้อย” นพ.โสภณกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น