กรมอนามัย เตือนช่วงสงกรานต์ต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่ อย่ากลับบ้านไปหาพ่อแม่ แสดงความกตัญญูทางไกล ลดเสี่ยงนำเชื้อไปให้ผู้สูงอายุ เหตุเสี่ยงป่วยโควิด-19 อาการรุนแรง เสียชีวิตสูง หากอยู่บ้านเดียวกันไม่ควรรดน้ำดำหัว เพราะเพิ่มความเสี่ยงลูบหน้าลูบตา ให้กราบขอพรแบบรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร ย้ำผู้สูงอายุงดออกจากบ้าน
วันนี้ (6 เม.ย.) พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ข้อมูลทั้งในและต่างประเทศตรงกัน ว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ยิ่งเป็นผู้สูงอายุอัตราการเสียชีวิตยิ่งสูง โดยข้อมูลของประเทศไทย พบว่า ช่วงอายุ 60-69 ปี มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 149 ราย เสียชีวิต 1 ราย คิดเป็นอัตรา 0.7% ช่วงอายุ 70-79 ปี มีผู้ป่วย 57 ราย เสียชีวิต 6 ราย คิดเป็นอัตรา 10.5% ช่วงอายุ 80 ปีขึ้นไป มีผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 2 ราย คิดเป็นอัตรา 16.7% และผู้เสียชีวิตจำนวน 20 ราย เป็นผู้สูงอายุ 9 ราย เรียกว่าเสียชีวิตเกือบครึ่งหนึ่ง คือ 45% ขณะที่กลุ่มที่ติดเชื้อรายใหญ่ของประเทศ 70% มาจากกลุ่มอายุ 20-39 ปี ซึ่งยังเป็นวัยทำงาน กลุ่มลูกหลานที่มีโอกาสนำเชื้อไปติดผู้สูงอายุในบ้านได้ จึงอยากสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องนี้
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ทั้งนี้ ตัวผู้สูงอายุเองควรงดออกจากบ้าน ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานและหลังเข้าห้องน้ำ ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก กินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว แยกสำรับอาหาร แยกของใช้จำเป็น ควรเว้นระยะห่างจากบุตรหลานและผู้อื่น 1-2 เมตร ใช้ช่องทางอื่น ในการติดต่อสื่อสารกับบุตรหลาน เช่น โทรศัพท์ ไลน์ และช่วงนี้ที่ไม่สามารถออกไปร่วมกิจกรรมผู้สูงอายุแบเดิม ในครอบครัวก็ต้องหาสิ่งที่ทำให้มีความเพลิดเพลิน เช่น อ่านหนังสือ อ่านข่าวติดตามสถานการณ์ ฟังรายการหรือชมรายการที่ชอบ มีการพูดคุยในครอบครัวเพื่อให้ไม่ตึงเครียด เช่น อะไรที่ยังเป็นข่าวลือ เป็นต้น
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ช่วง เม.ย.นี้จะมีเทศกาลสงกรานต์ จึงขอแนะนำว่า บุตรหลานที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ควรเดินทางข้ามไปหาพ่อแม่ช่วงเทศกาลนี้ จะดีกว่าถ้าพวกเราต่างอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง และหาวิธีการสื่อสารกับพ่อแม่ในประเพณีนี้ ส่วนคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน แต่ยังทำงานนอกบ้าน ต้องทำตามข้อแนะนำอย่างเข้มงวด ต้อวระวังให้มาก เพราะท่านจะกลับมาบ้านที่มีผู้สูงอายุ ควรถอดรองเท้าล้างมือให้สะอาด เดินเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ค่อยออกมามีปฏิสัมพันธ์ หากในบ้านมีผู้สูงอายุเจ็บป่วยอาจต้องสวมหน้ากากผ้าเพิ่ม และเลี่ยงการออกไปนอกบ้านเท่าที่ทำได้
“คนที่บ้านต้องเอาใจใส่อย่างยิ่ง ไม่นำไปสู่ความเสี่ยง เพราะทุกครั้งที่กลับเข้าบ้านถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำเชื้อไปสู่ผู้สูงอายุ ซึ่งหากผู้สูงอายุป่วยก็จะมีความเสี่ยงอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ขอคนที่จะกลับมาจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง ขอร้องให้ไปอยู่ในที่ควบคุมเฝ้าระวังอาการ 14 วัน จนมั่นใจแล้วค่อยกลับบ้าน เพื่อจะได้ปลอดภัยทั้งคนเดินทางกลับและคนในบ้าน” พญ.พรรณพิมล กล่าว
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สำหรับการรดน้ำดำหัวนั้นไม่แนะนำ เพราะมีความเสี่ยงที่จะอยู่ใกล้ชิด และผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะนำน้ำนั้นมาลูบใบหน้า ลูบตัว รวมถึงลูบ หรือพรมให้กับลูกหลาน ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงได้ ดังนั้น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันผู้สูงอายุ แนะนำให้สวมหน้ากากกันทุกคนและกราบขอพร รับพรกันอยู่ห่างๆ ก็พอ ทั้งนี้ หากเราอดทนที่จะไม่อยู่ใกล้ชิดกันในระยะนี้เชื่อว่าเราจะสามารถผ่านสถานการณ์โรคระบาดไปในเวลาไม่นาน แต่ถ้ายังแสดงความรัก ความใกล้ชิดกันแบบนี้สถานการณ์จะลากยาวออกไป เพราะมีการพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ในกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะในบ้าน ส่วนคนที่อยู่ไกลให้โทร.อวยพร แสดงความกตัญญูทางไกลแทน และอย่าลืมอธิบายให้ผู้สูงอายุเข้าใจด้วยว่า ทำไมรูปแบบการแสดงความใกล้ชิดถึงเปลี่ยนไปในช่วงนี้