ผู้ป่วยโควิดติดจากกลุ่ม “สนามมวย” 24% ติดจากผับบาร์ 10% อัตราตายยังต่ำ 0.4%

สธ.เผยอัตราป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายมากกว่าหญิง พบ 25% เป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 24% เป็นกลุ่มสนามมวย อีก 10% จากสถานบันเทิง อัตราเสียชีวิตของไทยอยู่ที่ 0.4% พร้อมเผยกลุ่มเสี่ยงอาการปอดอักเสบหากป่วยโควิด เผยต้น เม.ย.ยาฟาวิพิราเวียร์ช่วยรักษาผู้ป่วยอาการรุนแรงจะเข้ามาอีก 2 แสนเม็ด คาดเพียงพอต่อการดูแล

วันนี้ (25 มี.ค.) นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อัตราป่วยโรคโควิด-19 ขณะนี้เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยผู้ชายอยู่ที่ 62.7% ผู้หญิง 37.3% โดยผู้ป่วยกระจายแทบทุกภาคแล้ว กลุ่มใหญ่พบว่าเป็นกลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน 25% กลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับสนามมวยมี 24.49% กลุ่มไปเที่ยวสถานบันเทิง 10.62% มาจากพื้นที่เสี่ยง 9.93% อาชีพเสี่ยง 9.25%

พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า การคัดกรองว่าอาการป่วยของตัวเองมีความเสี่ยงโรคโควิด-19 หรือไม่ ให้ประเมินตนเองก่อนผ่านเว็บไซต์ซึ่งสามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ รพ.ราชวิถี ที่ขยายหลักเกณฑ์การคัดกรองให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน หากประเมินออกมาแล้วพบว่ามีความเสี่ยงและมีอาการก็สามารถไปที่ รพ.ได้ เพื่อขอรับการตรวจคัดกรองทางห้องแล็บได้ ทั้งนี้ โรคโควิด-19 พบว่า 80% มีอาการไข้หวัดธรรมดา ไม่รุนแรง ไอ น้ำมูก เจ็บคอ เสมหะ ส่วน 7-15% มีอาการปอดอักเสบแต่รุนแรงน้อยซึ่งของไทยพบประมาณ 9% และกลุ่ม 3-5% จะมีปอดอักเสบรุนแรง โดยอัตราเสียชีวิต 4% แต่ปัจจุบันของไทยอัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 0.4% ทั้งนี้ คนกลุ่มที่จะเสี่ยงเกิดอาการปอดอักเสบ คือ มีอายุมากกว่า 60 ปี ภาวะอ้วน ภูมิคุ้มกันบกพร้อง ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจวาย โรคไตวายเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคเบาหวาน ส่วนที่มีอาการน้อย ไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้มีกลุ่มโรคพวกนี้ สามารถรักษาด้วยวิธีทั่วๆ ไปเหมือนไข้หวัดได้ หากไอก็รับประทานยาแก้ไอ ดื่มน้ำ มีน้ำมูกให้ยาลดน้ำมูก พักผ่อนเยอะๆ และรักษาระยะห่างทางสังคม 14 วัน

นพ.ทวีศิลป์ วิศณุโยธิน โฆษก สธ.กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อมากขึ้น หน้ากากอนามัยที่ต้องใช้ใน รพ.จึงต้องเพียงพอ ขณะนี้การบริหารจัดการนั้นให้ลงรายละเอียดถึงว่าผู้ใดบ้างที่มีโอกาสใช้หน้ากากอนามัย ส่วนหน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่ต้องมีการนำเข้า ถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่ต้องมีเพียงพอก็ได้มีการสั่งซื้อและจัดเตรียมมา รวมถึงยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งคำนวณว่าผู้ป่วย 5 พันคน ต้องใช้ยา 3.5 แสนเม็ด แต่ยานี้ใช้เฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ตอนนี้เรามีสต๊อกประมาณ 5 หมื่นเม็ด และได้สั่งซื้อจากจีน และญี่ปุ่นแล้ว ได้รับการตอบรับว่าต้นเดือนเมษายนจะได้มา 2 แสนเม็ด น่าจะเพียงพอในการใช้ในช่วงนี้

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนคำถามที่ว่าทำไมภาครัฐไม่นำเข้าชุดตรวจอย่างง่าย (Test Kit) ที่มีอยู่เต็มไปหมดในเว็บไซต์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่ามีบริษัทยื่นเข้ามาจำนวนมากหลายสิบบริษัท แต่ภาครัฐต้องดูมาตรฐานให้ประชาชน ตอนนี้มีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่ได้รับมาตรฐานและจะดำเนินการทางด้านเปิดให้นำเข้าต่างๆ ตามมา ทั้งนี้จะมีการเพิ่มข้อมูลดังกล่าวลงใน “ไทยรู้สู้โควิด” ว่าชุดตรวจไหนที่ผ่านมาตรฐานกรมวิทย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าชุดตรวจนี้เป็นการเจาะเลือดดูภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี หลังจากที่ติดเชื้อหรือรับเชื้อมาแล้วทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน การตรวจเจอภูมิต้านทาน หมายความว่ามีการรับเชื้อก่อนเป็นระยะเวลาหนึ่งร่างกายถึงสร้างภูมิขึ้นมา ดังนั้น การแปลผลจึงไม่ได้ยืนยันว่าตอนนี้เรายังมีเชื้อหรือไม่ จึงต้องไปรับการตรวจด้วยวิธีพีซีอาร์ตามปกติ คือการตรวจหาเชื้ออีกทีหนึ่ง