ขณะนี้ผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 22 มี.ค. 2563 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงพบผู้ป่วยรายใหม่ถึง 188 ราย ทำให้ยอดสะสมพุ่งขึ้นไปที่ 599 รายแล้ว พื้นที่ที่มีผู้ป่วยหลักๆ ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.)
ตามข้อมูลเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2563 ที่มีผู้ป่วยสะสม 411 รายนั้น กระจายไปใน 36 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่
กทม. 284 ราย
สมุทรปราการ 18 ราย
ภูเก็ต 13 ราย
ปัตตานี 11 ราย
นนทบุรี 9 ราย
เชียงใหม่ 8 ราย
ชลบุรี นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 6 ราย
สุราษฎร์ธานี สงขลา จังหวัดละ 5 ราย
ยะลา ปทุมธานี จังหวัดละ 4 ราย
นครราชสีมา กาญจนบุรี สุรินทร์ จังหวัดละ 3 ราย
กระบี่ สมุทรสาคร อุบลราชธานี จังหวัด 2 ราย
เพชรบูรณ์ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครปฐม นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี นครนายก นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มุกดาหาร ระยอง ลพบุรี ศรีสะเกษ จังหวัดละ 1 ราย
สำหรับวันที่ 22 มี.ค. พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในอีก 5 จังหวัด คือ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี พัทลุง และแพร่ ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 41 จังหวัด
ทั้งนี้ สัดส่วนของผู้ป่วยระหว่าง กทม.และต่างจังหวัด พบว่า ในส่วนของต่างจังหวัดกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกือบเท่าตัว โดย
วันที่ 19 มี.ค. ผู้ป่วย กทม.มี 213 ราย ต่างจังหวัด 59 ราย
วันที่ 20 มี.ค. ผู้ป่วย กทม.มี 247 ราย ต่างจังหวัด 75 ราย
วันที่ 21 มี.ค. ผู้ป่วย กทม.มี 284 ราย ต่างจังหวัด 127 ราย
วันที่ 22 มี.ค. ผู้ป่วย กทม.มี 363 ราย ต่างจังหวัด 236 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก สธ. ระบุว่า ขณะนี้สัดส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ในต่างจังหวัดกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกือบเท่าตัวจากในช่วง 4 วันที่ผ่านมา สิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันตอนนี้ คือ การอยู่กับบ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ เพราะเชื้ออยู่กับคน การที่สั่งปิดสถานที่ต่างๆ และให้อยู่กับบ้าน มีระยะห่างทางสังคม ไม่ได้แปลว่าให้หยุดแล้วกลับต่างจังหวัด เพราะหากมีการเดินทางก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการนำเชื้อจาก กทม.ไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น