โดย...ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
อาการของโรคโควิด-19 (COVID-19)
• เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน
• ส่วนมากเริ่มมีอาการหลังการได้รับเชื้อ 2-7 วัน
• อาการ
o ไข้ (อุณหภูมิกายวัดทางปากตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ผู้สูงอายุที่เปราะบางอาจใช้เกณฑ์ 37.2 องศาเซลเซียส แต่โดยทั่วไปมักวัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิทัลทางช่องหูใช้เกณฑ์ 38 องศาเซลเซียสหรือบริเวณหน้าผาก ใช้เกณฑ์ 37.2 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามอาจไม่มีไข้ได้ครึ่งหนึ่งในคนที่ติดเชื้อในช่วงแรก)
o อาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หอบเหนื่อย
o อ่อนเพลีย ปวดศีรษะหรือปวดเมื่อยตามตัว
o ส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 80 หายได้เอง
o ส่วนน้อยต้องรับไว้รักษาตัวในไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจร้อยละ 2-3 และเสียชีวิตร้อยละ 1-2
o ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคร่วม เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคปอด เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงกว่า
โดยร้อยละ 10-30 อาจต้องรับไว้รักษาตัวในไอซียู และพบอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 4-11 ในผู้ที่อายุ 65-84 ปี และร้อยละ 10-27 ในผู้ที่อายุ 85 ปีขึ้นไป
o ผู้สูงอายุอาจมีอาการที่ไม่ตรงไปตรงมาเมื่อมีความเจ็บป่วย ข้อสังเกตคือ
1. อ่อนเพลีย
2. ซึมลง
3. สับสนเฉียบพลัน
4. เบื่ออาหาร หรือรับอาหารทางสายยางไม่ได้
5. ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองลดลงอย่างรวดเร็ว
การดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุทั่วไปในช่วงระบาดของโรคโควิด 19
1. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ที่มีคนแออัด รักษาระยะห่าง (social distancing) จากผู้ที่ติดเชื้อ 2 เมตร หรือราว 2 ช่วงแขน
2. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
• รับประทานยาประจำตัวให้สม่ำเสมอ
• 4 อ. คือ อาหาร ออกกำลัง เอนกายพักผ่อน ออกห่างสังคมแออัด
3. ปิดปากปิดจมูกเวลาไอจาม
4. สวมหน้ากากอนามัย ในกรณี
• มีอาการไข้หวัด ไอจาม
• อยู่ในที่ที่มีคนแออัด
• ไปโรงพยาบาลหรือสถานที่เสี่ยงหรือใกล้ชิดผู้ที่เสี่ยง
5. ไม่เอามือสัมผัสหน้า จมูก ปาก
6. ทำความสะอาดมือบ่อย ๆ โดย
• ล้างมือด้วยสบู่ อย่างน้อยฟอกให้ทั่วมือเป็นเวลา 20 วินาที โดยเฉพาะตามง่ามมือ ซอกเล็บและเส้นลายมือที่มักจะฟอกไม่สะอาด และทำให้มือแห้ง 10 วินาที
• อาจใช้แอลกอฮอล์เจล ที่มีแอลกอฮอล์ 70% โดยควรสังเกตวันหมดอายุ และหากเปิดทิ้งไว้นานแอลกอฮอล์จะระเหยทำให้เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ลดลง
7. ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านให้บ่อยขึ้น เนื่องจากเชื้อไวรัสอยู่บนพื้นผิวได้นานหลายวัน
8. ผ่อนคลายความเครียด
9. หากควบคุมโรคประจำตัวได้ดี อาจขออนุญาตแพทย์ที่ดูแล รับยาและเลื่อนนัดหมายให้นานกว่าปกติ ลดการไปโรงพยาบาล
10. การใช้สื่อและข้อมูลข่าวสาร
• รับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้
• ไม่แชร์ โพสต์ ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
• ลดการเสพข้อมูล
• ส่งความรู้สึกที่ดี ช่วยเหลือดูแลกันในสังคม มากกว่าการวิพากษ์วิจารณ์กล่าวโทษหาคนผิดในสังคมออนไลน์
11. ช่วงที่ป่วย
• รีบไปพบแพทย์ หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
• แยกตัวจากผู้อื่น
• หากมีไข้ที่เกิดจากโควิด 19 ไม่ควรใช้ยา ibuprofen (ไอบูโพรเฟ่น) ในการลดไข้ ให้ใช้พาราเซตามอล
• ระวังการหกล้ม สับสน กินได้น้อย
โรคโควิด-19 กับผู้ป่วยสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมไม่ได้สัมพันธ์กับโควิด-19 โดยตรง แต่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยสมองเสื่อม ดังนี้
• ผลของการจัดสภาพแวดล้อมให้แยกห่างจากผู้อื่น
o รู้สึกไม่ปลอดภัย
o เหงา เบื่อ
o นอนไม่หลับ
o วิตกกังวล
o หงุดหงิด ก้าวร้าว
• ผลจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยตรง
o กังวล
o กระสับกระส่าย
o ซึม
o ความสามารถในการประกอบกิจวัตรช่วยเหลือตนเองถดถอย
o กินไม่ได้
• ผลต่อผู้ดูแลผู้ป่วย
o เครียด วิตก กังวลทั้งต่อสุขภาพของตนเอง และของผู้ป่วย
o แพนิค
o เหนื่อยล้า หมดไฟ (burn-out) รู้สึกขาดการช่วยเหลือ
o เกิดประเด็นขัดแย้งกับผู้ป่วยมากขึ้น
การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19
1. เฝ้าระวังอาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น ซึมหรือไม่นอน เพ้อสับสน เห็นภาพหลอน เป็นต้น
2. ผู้สูงอายุที่มีสมองเสื่อมอาจมีความสามารถในการดูแลความสะอาด สุขอนามัยส่วนตัวลดลง อาจจะหลงลืมการล้างมือ แนะนำให้มีป้ายเตือนให้ล้างมือไว้ภายในบริเวณอ่างล้างมือที่บ้าน และให้ผู้ดูแลช่วยสาธิตการล้างมือไปพร้อมกัน
3. ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ผู้ป่วยหยิบจับบ่อย ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% เป็นต้น
4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่แออัด
5. หากต้องจำกัดให้อยู่ในบ้าน ควรให้ได้ทำกิจกรรม งานอดิเรกต่างๆ และออกกำลังกาย
6. วางแผนหาผู้ดูแลสำรองในกรณีผู้ดูแลเจ็บป่วย
7. หากผู้ดูแล มีอาการสงสัยโรคโควิด-19 ควรแยกจากผู้ป่วยและเปลี่ยนผู้ดูแลได้ทันที
8. หากอาการคงที่ อาจขออนุญาตแพทย์ที่ดูแล รับยาและเลื่อนนัดหมายให้นานกว่าปกติ เพื่อลดการไปโรงพยาบาล