สวธ.เล็งจับมือประเทศเพื่อนบ้าน ขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน

สวธ. ยกเครื่องโครงสร้างเพื่อให้การทำงานคล่องตัว ปี 63 เตรียมประสานประเทศเพื่อนบ้าน ดันขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาจับต้องไม่ได้ร่วมกัน

นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า ในปีนี้ สวธ. ตั้งเป้ายกระดับให้งานส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้มีผลงานเด่นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้สู่การเป็นมรดกโลก หลังจากที่ไทยได้เข้าร่วมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก นับตั้งแต่ปี 2559 จนนำไปสู่การผลักดันให้การแสดงโขน และนวดไทย ได้ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้เป็นมรดกโลกแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตนได้สั่งการให้ปรับโครงสร้างภายในกรมใหม่โดยจะมีกองและฝ่ายต่างๆ ที่สนับสนุนการทำงานด้านการขึ้นทะเบียนกับยูเนสโกโดยตรง รวมถึงมีทีมประสานการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นด้วย

“เมื่อมีการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาเป็นมรดกชาติแล้ว กลับถูกละเลยไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากคนในท้องถิ่นยังไม่เข้าใจและไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญ นอกจากความภาคภูมิใจแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน ถ้าหากมีการต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ สิ่งของที่ระลึก หรือ จัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจแก่แขกผู้มาเยือนได้”

นายชาย กล่าวด้วยว่า การขึ้นทะเบียนร่วม อยากให้มีการประสานการทำงานกับประเทศเพื่อนบ้าน สื่อถึงความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน เนื่องจากไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีวิถีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน จึงมีแนวคิดที่จะผลักดันประเพณีงานบุญฮีตสิบสอง คองสิบสี่ ซึ่งถือเป็นงานบุญและพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่ชาวอีสานของไทย รวมถึงชาว สปป.ลาว ที่ถือปฏิบัติกันมาในโอกาสต่างๆ ทั้ง 12 เดือนในรอบปี ให้มีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกร่วม รวมถึงการผลักดันเรื่องความเชื่อพิธีกรรมและความศรัทธาเกี่ยวกับพญานาคในภูมิภาค 5 แผ่นดิน ได้แก่ ไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จะสนับสนุนงานด้านวิจัยการเชื่อมความสัมพันธ์ด้านศาสนาในภูมิภาคเพื่อผลักดันสู่การขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งจะเป็นผลดีในแง่ของการสืบทอดภูมิปัญญา และการท่องเที่ยวเมืองพุทธใน 5 แผ่นดิน