สธ.แจงไทยไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามสหรัฐฯ เหตุต้องตัดสินใจบนการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการรับมือในประเทศ ชี้มาตรการที่ดำเนินการยังเข้มข้น หยุดยั้งการแพร่ระบาดในไทยได้ก็ให้เดินทางได้ แต่หากนักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือต่ำ ประเทศเสี่ยงมากขึ้น ก็ขึ้นกับผู้บริหารประเทศจะตัดสินใจใช้มาตรการอย่างไรก็พร้อมทำงาน
วันนี้ (1 ก.พ.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีองค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ว่า การประกาศขององค์การอนามัยโลก เป็นไปเพื่อการบริหารจัดการภายในขององค์การอนามัยโลกเอง และเพื่อจะไปสนับสนุนประเทศที่อาจมีระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอ ให้จัดเตรียมการรับมือการระบาดของโรคนี้ได้ ส่วนประเทศที่เข้มแข็งอยู่แล้ว ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวมาก สิ่งที่ทำได้หลังจากนี้ คือ ระดมทรัพยากรจากหลายๆ แหล่ง ความร่วมมือหลายๆ หน่วยงาน เพื่อช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ที่คาดคิดว่าจะมีปัญหา ในส่วนของประเทศไทยจะรับผลกระทบอะไรหรือไม่ ทุกวันนี้เราตรวจคัดกรองที่ด่านสนามบิน ทำความเข้าใจนักท่องเที่ยวทุกคน ขอความร่วมมือไกด์ บริษัททัวร์ โรงแรมช่วยสอดส่องผู้ป่วย เป็นมาตรการเข้มข้นมากๆ แล้ว ตราบใดที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ก็คงทำได้ประมาณนี้ คงไม่มีมาตรการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว แต่การมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ก็ยังเป็นภาระสำหรับเราที่ต้องตรวจและมีความเสี่ยงอยู่ เพราะแหล่งนำเข้าโรคมีทางเดียวคือนักเดินทางจากต่างประเทศ ตราบใดที่มีความเสี่ยงเราก็ต้องจัดการความเสี่ยงเหมาะสม ถ้าความเสี่ยงลดลงก็เป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามว่า หากเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ไทยจำเป็นต้องประกาศหรือไม่ และสถานการณ์แตกต่างจากสหรัฐฯอย่างไร นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ทั้งหมดขึ้นกับว่าเราวิเคราะห์ความเสี่ยงเราอย่างไรและจัดการอย่างไร สหรัฐฯ ก็วิเคราะห์ความเสี่ยงเขาและจัดการแบบหนึ่ง ถ้าการตัดสินใจตรงนี้ไม่มีเรื่องอื่นปะปน ส่วนประเทศไทยนั้น เราจะไม่ตัดสินใจบนพื้นฐานของการการที่ประเทศอื่นมีการทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราควรตัดสินใจด้วยความเข้าใจว่า ความเสี่ยงของประเทศเราเป็นอย่างไร ยังรับได้หรือไม่ และยังจัดการได้หรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าความเสี่ยงของเราเปลี่ยนไป ก็จะเปลี่ยนท่าทีการจัดการ แต่ทั้งหมดขึ้นกับการพิจารณาและการตัดสินใจของทีมผู้บริหารประเทศ ไม่ใช่การตัดสินใจของ สธ. ซึ่งทีมผู้บริหารประเทศก็จะพิจารณาข้อมูลต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพที่เราเสนอข้อมูลทุกอย่างที่เราเผชิญให้ไปแล้ว และข้อมูลด้านอื่นๆ ทุกเรื่องเข้าด้วยกัน ซึ่งทีมบริหารตัดสินใจอย่างไร เราก็พร้อมทำงานเพราะเป็นทีมเดียวกัน
"การบริหารจัดการงานพวกนี้ ต้องรู้ตัวเองมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน เราจะจัดการความเสี่ยงอย่างไร ถ้ามาตรการเรายังสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดในประเทศไทย ก็ยังรู้สึกว่าอนุญาตให้เข้ามาได้ ถ้าเรารู้สึกว่าได้รับความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวต่ำมาก ประเทศเสี่ยงสูงมากขึ้น ผู้บริหารประเทศก็คงมีวิธีคิดในการบริหารความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป" นพ.ธนรักษ์ กล่าว