ไทยป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่มอีก 5 ราย เป็นคนจีน 4 ราย คนไทย 1 ราย คือ คนขับรถแท็กซี่ ติดเชื้อจากการไปส่งผู้ป่วยชาวจีนที่ รพ.ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 13 ราย ไม่มีใครติดเชื้อ ผู้โดยสารไม่ต้องกังวล เพราะป่วยแล้วไม่ได้ขับรถ ส่วนคนขับแท็กซี่อีกรายผลเป็นลบ รวมขณะนี้ไทยป่วยทั้งสิ้น 19 ราย หายแล้ว 7 เหลือใน รพ. 12 ราย
วันนี้ (31 ม.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คณะผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่ออุบัติใหม่ได้ประชุมและยืนยันผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รายใหม่เพิ่มอีก 5 ราย รวมทั้งหมดเป็น 19 ราย ขณะนี้รักษาหายกลับบ้านแล้ว 7 ราย เหลือนอนใน รพ.อีก 12 ราย สำหรับ 5 รายใหม่นั้นพบว่า เป็นคนจีน 4 ราย มีประวัติมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย และคนไทย 1 ราย ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ผู้ชาย โดยไม่มีประวัติการเดินทางไปประเทศจีน ถือเป็นรายแรกที่แพร่ติดต่อภายในประเทศ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า คนขับรถแท็กซี่ 2 รายที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค รายหนึ่งผลตรวจเป็นลบ ไม่ได้มีการติดเชื้อแต่อย่างใด ส่วนอีกที่ติดเชื้อนั้น มาจากการส่งผู้ป่วยชาวจีนไป รพ. ซึ่งผู้ป่วยชาวจีนที่เป็นต้นเชื้อรายนี้ก็อยู่ในระบบ ซึ่งขณะนี้ก็หายดีกลับไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของคนขับแท็กซี่รายนี้มีทั้งสิ้น 13 คน จำนวนนี้เป็นคนในครอบครัว 3 คน คือ ภรรยา ลูก และหลาน ซึ่งจากการเก็บเก็บตัวอย่างไปตรวจเชื้อก็พบว่า ผลเป็นลบ ไม่มีการติดเชื้อทั้ง 13 คน แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง 14 วัน
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับข้อกังวลว่า คนขับแท็กซี่จะกระจายเชื้อไปผู้โดยสารและสร้างความกังวลนั้น เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้เมื่อป่วยแล้วได้หยุดขับรถแท็กซี่ทันที และติดต่อขอเข้ารับการตรวจตามระบบ เท่ากับว่าไม่มีการขับรถสัมผัสกับผู้โดยสาร ผู้โดยสารจึงไม่ต้องกังวล
เมื่อถามถึงการมีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทยรายแรก นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า เรามีการเตรียมแผนและมาตรการรับมือทั้ง 5 ระดับ ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าเข้าสู่ระดับการแพร่ระบาดในวงจำกัด ซึ่งหากเราสามารถจำกัดวงนี้ได้ เราก็จะกลับไปสู่ระยะที่ 1 คือ เป็นระดับผู้ป่วยที่มาจากนอกประเทศ เพราะไม่มีการแพร่กระจายต่อ ซึ่งเราพยายามดำเนินการจุดนี้ ซึ่งหากเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นที่มีการระบาดภายในประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เวียดนาม เยอรมนี ไต้หวัน ประเทศไทยถือว่ามีความเสี่ยงการแพร่ระบาดในไทยสูงกว่ามาก แต่กลับพบการแพร่ระบาดในประเทศครั้งแรกภายหลัง ซึ่งหลายๆ องค์กรก็มีการคาดการณ์อยู่ว่า ประเทศไทยเสี่ยงที่จะต้องเจอกับการแพร่ระบาดในประเทศ