อ.พญ.วลัยพร วังจินดา
ภาควิชาอายุรศาสตร์
เวลาเราปวดหัว รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและหนาว เรามักจะเข้าใจได้ว่ามีไข้อาการไข้มาได้อย่างไร มาทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน
อาการไข้คืออะไร
อาการไข้ คือการที่อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นมากกว่าอุณหภูมิปกติ โดยอุณหภูมิปกติคือ 37 องศาเซลเซียส โดยไข้เป็นอาการไม่ใช่โรค เป็นอาการที่ร่างกายตอบสนองเมื่อมีการเจ็บป่วยจากสาเหตุบางอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย คือการติดเชื้อ การวินิจฉัยโรคจะประเมินจากอาการอื่นที่พบร่วมด้วย เช่น ผู้ป่วยที่มีไข้ ร่วมกับไอ น้ำมูก เจ็บคอ จะทำให้สงสัยว่าผู้ป่วยจะมีไข้จากการติดเชื้อหวัด ถ้ามีไข้ร่วมกับปัสสาวะแสบขัด จะทำให้สงสัยว่ามีทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ
ภาวะแทรกซ้อนของอาการมีไข้
โดยส่วนใหญ่แล้วระยะเวลาที่ไข้จะปรากฏในแต่ละโรคยาวนานต่างกัน ขึ้นอยู่กับโรคที่เป็นสาเหตุของไข้ เช่น ไข้หวัดธรรมดาผู้ป่วยจะมีไข้ มีน้ำมูกประมาณ 3-4 วันก็หาย หากเป็นไข้จากการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาการไม่รุนแรงและได้รับการรักษา อาการไข้มักไม่เกิน 7 วัน ภาวะแทรกซ้อนของไข้ที่อาจพบได้ เช่น มีส่วนทำให้ร่างกายขาดน้ำ ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอาจทำให้มีอาการซึมได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยมีไข้ยังไม่ดีขึ้น 3-5 วันหรือยังไม่พบเหตุที่เป็นสาเหตุของไข้ ควรรีบพบแพทย์
วินิจฉัยและรักษาอย่างไร
ในการวินิจฉัย แพทย์จะถามอาการผู้ป่วยอย่างละเอียด จากนั้นทำการตรวจร่างกายหรือหากมีความจำเป็นอาจทำการตรวจอื่นๆ เช่น การตรวจเลือด เอกซเรย์ เพื่อหาสาเหตุของไข้ ซึ่งขึ้นอยู่กับโรคที่สงสัยและความรุนแรง เมื่อตรวจและทราบสาเหตุก็ทำการรักษาตามสาเหตุนั้น รวมไปถึงรักษาเพื่อลดอาการไข้นั้นก็มีความสำคัญเช่น การให้ยาพาราเซตามอล และการเช็ดตัว
เนื่องจากสาเหตุของไข้ที่สำคัญคือการติดเชื้อเราสามารถหลีกเลี่ยงจากอาการไข้ได้ง่ายๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ ลดความเสี่ยงของการได้รับเชื้อโรค การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เมื่อร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันโอกาสการติดเชื้อ โอกาสการมีไข้ก็จะลดลง
********
กิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
#ขอเชิญแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้สนใจร่วมงานในโอกาสศ.ดร.ราล์ฟ เอฟ ดับเบิ้ลยู บาร์เทนชลากเกอร์ (Prof. Dr.RalfF.W.Bartenschlager) และศ.นพ.เดวิด เมบี (Prof. David Mabey)ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2562เยือนศิริราชและพบสื่อมวลชนในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10.45 น. ณ ห้องจุฬาภรณ์ตึกสยามินทร์ ชั้น 2 และเวลา 13.30 น. รับฟังปาฐกถาในผลงานที่ได้รับรางวัล เรื่อง “Hepatitis C virus elimination: Achievements and Challenges” และเรื่อง “Towards the Elimination of Blinding Trachoma”ณ ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร อาคารศรีสวรินทิรา ชั้น G รพ.ศิริราช