ผู้ว่าฯ กทม. รุดตรวจความเสียหายของเขื่อนและถนนในพื้นที่เขตหนองจอก อันเนื่องมาจากวิกฤติภัยแล้ง
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เพื่อตรวจความเสียหายของเขื่อนและถนนในพื้นที่เขตหนองจอก อันเนื่องมาจากวิกฤติภัยแล้ง จุดที่ 1 บริเวณหลังมูลนิธิอนุสรณ์ ตระกูลกอดีรี ซอยสังฆสันติสุข 63 ถนนสังฆสันติสุข จุดที่ 2 บริเวณตรงข้ามสุเหร่าศาลาแดง (บ้านนางวารี) ซอยสังฆสันติสุข 61 ถนนสังฆสันติสุข จุดที่ 3 บริเวณหลังโรงเรียนนีลราษฎร์อุปถัมภ์ ซอยสังฆสันติสุข 81 ถนนสังฆสันติสุข และจุดที่ 4 ถนนทรุดตัวที่ซอยสุวินทวงศ์ 42 พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเกษตรกรที่ปลูกแตงโม ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา สำนักงานเขตพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และบรรยายสรุป
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจความเสียหายของเขื่อนและถนนในพื้นที่เขตหนองจอก อันเนื่องมาจากวิกฤติภัยแล้ง โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา และสำนักงานเขตหนองจอก ร่วมลงพื้นที่ ซึ่งจุดที่ได้รับความเสียหาย ประกอบด้วย จุดที่ 1 บริเวณหลังมูลนิธิอนุสรณ์ ตระกูลกอดีรี ซอยสังฆสันติสุข 63 ได้รับความเสียหายความยาว 60 ม. จุดที่ 2 บริเวณตรงข้ามสุเหร่าศาลาแดง (บ้านนางวารี) ซอยสังฆสันติสุข 61 ได้รับความเสียหายความยาว 90 ม. จุดที่ 3 บริเวณหลังโรงเรียนนีลราษฎร์อุปถัมภ์ ซอยสังฆสันติสุข 81 ได้รับความเสียหายความยาว 30 ม. ทั้งนี้เขื่อนดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณคลองนครเนื่องเขต ฝั่งตรงข้ามคืออำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งสำนักการระบายน้ำได้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนตามแนวคลองนครเนื่องเขตจนถึงคลองแสนแสบ ความยาวประมาณ 20 กม. จากการตรวจสอบพบว่าเขื่อนบริเวณจุดดังกล่าวได้เกิดการสไลด์ตัวและดินยุบลงไป เนื่องจากระดับน้ำในคลองลดลง ทั้งนี้กรุงเทพมหานครจะดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ในวันพรุ่งนี้(22 ม.ค.)สำนักการระบายน้ำจะเข้าดำเนินการทุบเขื่อนบริเวณที่เสียหายทิ้ง จากนั้นจะตอกเสาเข็มใหม่ ให้มีความลึกมากขึ้น จากเดิมเสาเข็มมีความลึก 18 ม. อาจจะเพิ่มความลึกเป็น 20 ม. หรือ 24 ม. หรือมากกว่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก ส่วนสำนักการโยธาจะเข้ามาร่วมสำรวจชั้นดินว่าจะต้องตอกเสาเข็มให้มีความลึกขนาดเท่าใด รวมถึงความถี่ของเสาเข็มที่ตอก เพื่อให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการก่อสร้างเขื่อนใหม่ ไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเติม เพราะเขื่อนดังกล่าวยังอยู่ในสัญญาการก่อสร้าง ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 59 และจะหมดสัญญาในเดือนมิ.ย.63 นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำสำรวจเขื่อนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งฝั่งธนบุรีและฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครว่ามีเขื่อนใดบ้างที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง รวมถึงให้ประสานกรมชลประทานในการปล่อยน้ำลงมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการเพาะปลูก
ส่วนบริเวณถนนเรียบคลองลำนกแขวก ซอยสุวินทวงศ์ 42 เขตหนองจอก ซึ่งเกิดการทรุดตัวลงเมื่อวันที่ 11 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ โดยสาเหตุเกิดจากปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้น้ำในคลองลดลงอย่างต่อเนื่อง จนดินใต้พื้นผิวจราจรทรุดตัวและสไลด์ลงคลองตลอดแนวถนน และถนนเริ่มมีรอยแยกก่อนจะทรุดลงเรื่อยๆ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา และสำนักงานเขตหนองจอก ได้เข้ามาดำเนินการแก้ไขแล้ว โดยการปรับหน้าดินให้เรียบ และตอกเสาเข็ม เพื่อทำแนวป้องกันการเคลื่อนตัวของชั้นดิน เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ชั่วคราว แต่ไม่ได้เทปรับหน้าดินเพิ่ม เพราะจะยิ่งทำให้ดินที่อยู่ชั้นล่างรับน้ำหนักไม่ไหว ส่วนการแก้ไขระยะยาวจะหาแนวทางก่อสร้างเขื่อนป้องกันต่อไป