xs
xsm
sm
md
lg

“ศน.-คณะสงฆ์” เตรียมจัดทำพระไตรปิฎกฉบับสากลครั้งแรก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แฟ้มภาพ
ศน.หารือคณะสงฆ์ เตรียมจัดทำพระไตรปิฎกฉบับสากลครั้งแรก คาดใช้เวลาแปลแล้วเสร็จภายใน 3 ปี
.
นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 และทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก เป็นการเผยแพร่สืบทอดพระพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลกด้วยพระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษ จำนวน 2 คณะ ได้แก่ 1.คณะกรรมการอำนวยการฝ่ายอุปถัมภ์โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน และ 2. คณะกรรมการอำนวยการฝ่ายบรรพชิต มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานกรรมการนั้น ในส่วนของ ศน. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะนำรายชื่อของคณะกรรมการที่ ครม. เห็นชอบถวายแด่พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเลขานุการ ฝ่ายบรรพชิตพิจารณาในการเตรียมร่างรายชื่อคณะอนุกรรมการฝ่ายต่างๆ เสนอต่อที่ประชุม มส.ให้ความเห็นชอบ

สำหรับคณะอนุกรรมการที่จะแต่งตั้งนั้น จะรับผิดชอบการดำเนินงานในด้านต่างๆ เช่น ด้านการแปลเอกสาร ด้านบรรณาธิการ ด้านการสนับสนุนการตรวจสอบเอกสาร เมื่อ มส.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแล้วเสร็จ จะจัดประชุมหารือถึงกรอบการดำเนินงานการด้านต่างๆ โดยเฉพาะกระบวนการแปลพระไตรปิฎกที่มีทั้งหมด 45 เล่มว่าจะเริ่มดำเนินการแปลประโยคในเล่มใดก่อน เบื้องต้น ศน. ได้จัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2563 ไว้สำหรับการดำเนินการปีแรก จำนวน 20 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าดำเนินการสำหรับการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแปลภาษาบาลี-สันสกฤตเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ตลอดจนการใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการช่วยแปลภาษา คาดว่าในขั้นตอนการแปลเอกสารทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี จากนั้นจึงเข้าสู่การตรวจสอบตามหลักพระธรรมวินัยโดยคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาตรวจสอบค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องสอบความถูกต้องไม่ให้มีความผิดเพี้ยน

“งบประมาณที่ตั้งไว้ในปีแรกจะใช้สำหรับการแปลเอกสาร เพราะจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญการแปลอย่างมาก โดยเฉพาะจากต่างประเทศ เช่น สมาคมบาลีปกรณ์ อีกทั้งยังต้องมีการศึกษาข้อมูลการแปลในยุคต่างๆ มาประกอบ พร้อมกันนี้ ทั้งนี้ศูนย์พหุภาษา การแปล และล่ามแห่งอาเซียนที่จัดตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้เห็นว่าจะใช้ระบบเทคโนโลยีการแปลภาษามาช่วย แต่ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องจึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการนาน และเมื่อแปลแล้วเสร็จ จะต้องมีคณะสงฆ์ช่วยกันวิพากษ์ว่าการแปลนั้นถูกต้อง มีความผิดเพี้ยนหรือไม่ เพราะหากไม่ถูกต้องจะทำให้พระธรรมวินัยผิดเพี้ยน ถือเป็นอาบัติของคณะสงฆ์ ดังนั้น จะต้องมีระบบการตรวจสอบอย่างดีและรอบครอบด้วย” นายกิตติพันธ์ กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น