กรมศิลป์ จัดกิจกรรมสักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน : พิพิธทศปฏิมาอารยศิลป์ 25 ธ.ค.62 ถึง 5 ม.ค.2563 เพื่อเป็นสิริมงคลรับปีใหม่
กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ขอเชิญสักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน “พิพิธทศปฏิมาอารยศิลป์” โดยมีพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เป็นประธาน พร้อมอัญเชิญพระพุทธปฏิมาโบราณอีก 9 องค์ ที่เก็บสงวนรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและมีแหล่งกำเนิดจากนานาประเทศที่มีพุทธศิลป์แตกต่างกัน มาประดิษฐานให้ประชาชนได้สักการบูชาเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2563 ในวันที่ 25 ธ.ค.2562- 5 ม.ค.2563 ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เวลา 9.00-16.00 น ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ตามตำนานพระพุทธสิหิงค์ได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นสิริยังพระนครหลวงโบราณของไทยทุกแห่ง นับแต่กรุงสุโขทัย เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ตราบเท่าถึงกรุงรัตนโกสินทร์ จึงสถิตเป็นมงคลแก่พระนครประจำ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล
พระพุทธรูปปางประทานอภัยสลักจากศิลา แบบคันธาระนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบของสกุลช่างที่สร้างพระพุทธรูปในระยะแรกๆ ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย พระพักตร์มีลักษณะตามอุดมคติแบบกรีกและโรมัน ซึ่งเน้นความเสมือนจริงตามหลักกายวิภาค ห้างบอมเบเบอร์ม่า น้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธรูปประทานอภัยองค์นี้เคยประดิษฐาน ณ มุขกลางของพลับพลาจตุรมุขด้านหลังพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ในงานนักขัตฤกษ์นมัสการพระพุทธชินราช ประจำปีรัตนโกสินทร์ศก 122 (พุทธศักราช 2446)
พระอมิตาภพุทธเจ้า (พระอมิดะเนียวไร) พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย แสดงธยานมุทราโดยนิ้วหัวแม่มือจดกับนิ้วชี้ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของพระอมิตาภะแบบญี่ปุ่นที่แสดงถึงการชี้นำดวงวิญญาณสู่นิพพาน พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าที่พุทธศาสนิกชนชาวญี่ปุ่นนับถือมากที่สุดรองจากพระศากยมุนี (พระชะกะเนียวไร) ด้านหลังพระพุทธปฏิมาสลักอักษรคะตะคะนะกับฮิรางะนะเป็นภาษาญี่ปุ่นความว่า “อุทิศโดยคุณนิชิวากิ เคนจิ เขตโอจิยะ เมืองอีจิโกะ [ปัจจุบันคือ เมืองนีงาตะ] ปีเมจิที่ 40 เดือน 4 วันที่ 7 (วันที่7 เมษายน พ.ศ.2450)” กลีบบัวที่ฐานด้านหลังสลักอักษรโรมัน ภาษาอังกฤษว่า “K.NISHIWAKI THE DONOR” แปลว่า คุณเค. นิชิวากิ เป็นผู้ถวาย
พระพุทธรูปสมาธิองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานมาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2469 เดิมได้มาจากเมืองเชียงราย “สมัยโปลนนารุวะ” เป็นยุคทองของศิลปะลังกา พระพุทธรูปในยุคนี้มีลักษณะพระพักตร์ที่สงบนิ่ง มีพระรัศมีทรงเตี้ย พระอังสากว้าง พระอุระหนา พระพาหาใหญ่ และได้ให้อิทธิพลแก่พุทธศิลป์สมัยสุโขทัยของไทยด้วย
พระพุทธศากยมุนี (เซ็กเกียมอนี้ฮุด) พระพุทธรูปปางมารวิชัย ครองจีวรห่มเฉียงเป็นริ้วธรรมชาติ เปิดพระอุระเบื้องขวาและมีจีวรคลุมพระอังสาและพระพาหาขวา พระพุทธปฏิมานี้ สันนิษฐานว่าเป็น พระศากยมุนีพุทธเจ้า ที่ชาวจีนเรียกว่า “เซ็กเกียมอนี้ฮุด” ปกติจะนิยมทำเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิ ทั้งขัดสมาธิราบและขัดสมาธิเพชร แต่องค์นี้มีลักษณะพิเศษคือ แสดงภูมิสปรศมุทรา ประทับนั่งบนสิงหาสนะ (บัลลังก์สิงห์) อันเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ว่า ทรงเป็นสิงห์แห่งวงศ์ศากยะ
พระพุทธรูปทรงเครื่องมารวิชัย พระพุทธรูปทรงเครื่องประทับขัดสมาธิเพชร (วัชราสนะ) แสดงปางมารวิชัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้มาเมื่อคราวเสด็จเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ พุทธศักราช 2469 พระราชทานมาเมื่อ 15 มีนาคม 2469 ตามเอกสารของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำหนดศิลปะพระพุทธรูปองค์นี้เป็น “ฝีมือช่างเชียงรุ้ง” โดยลักษณะพิเศษของพระพุทธรูปกลุ่มนี้คือ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ ทรงอุณหิศหรือเครื่องประดับพระเศียรที่มีแผ่นกระจังขนาดใหญ่และมีแถบผ้าที่เบื้องหลังของพระกรรณ ทรงกุณฑลขนาดใหญ่ และหากครองจีวรห่มเฉียงจะมีสังฆาฏิยาวจรดพระนาภีปลายสังฆาฏิตัดตรง
พระพุทธรูปมารวิชัยพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบ แสดงปางมารวิชัย กำหนดอายุในพุทธศตวรรษที่ 22-23 ช่วงเวลานี้อาณาจักรล้านช้างมีความเจริญรุ่งเรืองมีการสร้างพระพุทธรูปสำริดที่มีจารึกศักราชและผู้สร้างจำนวนมาก สำหรับพุทธลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธรูปลาวที่ปรากฏ อาทิ พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระโอษฐ์เล็ก แย้มมุมพระโอษฐ์เล็กน้อย มีร่องเหนือพระโอษฐ์ซึ่งเชื่อมต่อลงมาจากพระนาสิก มีแนวเส้นไรพระศก เม็ดพระศกแหลมเล็ก พระรัศมีเป็นเปลวขนาดใหญ่ ประทับบนฐานบัวคว่ำบัวหงายที่มุมฐานบัวตวัดขึ้น หรือที่เรียกว่า “บัวงอน”
พระพุทธศากยมุนี พระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ แสดงลักษณะเฉพาะของพุทธประติมาเวียดนามคือ ครองจีวรห่มคลุม ทิ้งชายลงจากบ่าทั้งสองข้างเท่ากัน แต่พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงเวลานี้จะเผยให้เห็นพระอุระ และขอบสบงชัดเจนอันเป็นอิทธิพลรูปแบบทางศิลปะจากราชวงศ์หมิงของจีน
พระพุทธรูปมารวิชัยสลักจากหินอ่อน พุทธลักษณะสำคัญที่แสดงถึงศิลปะพม่า แบบมัณฑะเลย์ คือ ที่พระพักตร์มีกระบังหน้า ทรงครองจีวรเป็นริ้วธรรมชาติ พระพุทธรูปห่มเฉียงบนพระอังสาซ้ายมีชายจีวรตกลงมายาวจนถึงพระนาภี ปลายจีวรเล่นลวดลายให้ชายผ้าทบไปมามากจนดูผิดธรรมชาติ ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปรากฏหลักฐานการสั่งและนำเข้าพระพุทธรูป หินอ่อนสีขาวจากพม่าด้วย ที่สำคัญคือ พระพุทธเทววิลาส พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ วัดเทพธิดาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวังเพื่อเป็นพระพุทธรูปประธานในพระอารามแห่งนี้ ก็เป็นพระพุทธรูปที่สลักด้วยหินอ่อนสีขาวโดยช่างพม่า
พระพุทธรูปทรงเครื่องมารวิชัย เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองคนสุดท้าย ภายใต้พระราชอำนาจของราชอาณาจักรสยาม สร้างถวายวัดหลวงปรีชากูล อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี และได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดพระศรีมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ต่อมาพันตรีควง อภัยวงศ์ มอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร