คงไม่มีใครปฏิเสธว่าการได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้นดีต่อสุขภาพกายและจิตใจอย่างไร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถชักจูงตัวเองให้ทำสิ่งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งโดยอาศัยสารพัดข้ออ้างมากมาย เราจะเปลี่ยนประโยคที่พูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า “ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ละกัน!” มาเป็น “รอมาทั้งวันแล้ว ได้เวลาออกไปยืดเส้นยืดสายสักที!” ได้อย่างไร
วิธีการออกกำลังกายนั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบ ที่ทำได้ง่ายและเป็นที่นิยมมักจะเป็นการเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน กายบริหาร หรือการเล่นกีฬาประเภทต่างๆ เราจึงไม่จำเป็นต้องไปจำกัดตัวเองอยู่กับการทำอย่างใดอย่างหนึ่งจนทำให้เกิดความเบื่อหน่ายและขาดแรงจูงใจที่จะทำ ต่อไปนี้เป็น 9 สิ่งที่ควรทำหากต้องการผลักดันตัวเองเข้าสู่โหมดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้ได้โดยเร็ว
1.เป้าหมายคืออะไร - ตอบให้ได้ว่าเป้าหมายในการออกกำลังกายคืออะไร บางทีบางครั้งการมีสุขภาพดีที่คิดว่าเป็นผลลัพธ์สำคัญอาจเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น บางคนอาจทำเพราะต้องการให้รูปร่างดูดี หรือทำแล้วมีความสุขก็อยากมีความรู้สึกสดชื่นอย่างนี้ไปตลอด ต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำสิ่งที่คนอื่นยอมรับ ได้พัฒนาตัวเอง ได้เข้ากลุ่มเพื่อนฝูง บางคนทำตามบุคคลที่ตัวเองชื่นชอบ หากรู้เป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะผลักดันตัวเองให้ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2.รู้จักวางแผน - การเลือกประเภทของการออกกำลังกายต้องสัมพันธ์กับเป้าหมาย ความสนใจ ความพร้อมทั้งในเรื่องเวลา สถานที่และอุปกรณ์ ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนที่ดีว่าจะต้องเล่นอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไรและอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายในการออกกำลังกายของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องผูกพันตัวเองไว้กับชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ แต่สามารถเลือกรูปแบบที่มีความหลากหลาย ปรับแผนให้มีความยืดหยุ่นทั้งเวลาและสถานที่ ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในการออกกำลังกายลงได้
3.ทำให้เป็นกิจวัตร - การเดินตามแผนอย่างเคร่งครัดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานค่อนข้างมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครๆจะไม่อยากทำให้ตัวเองรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความยากของขั้นตอนนี้จึงเป็นการเอาชนะใจตัวเองให้ทำตามแผน พยายามกำหนดให้ทำอย่างสม่ำเสมอ โดยค่อยๆเพิ่มความหนักและความถี่เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว เกิดความเคยชินและคิดถึงความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าทุกครั้งที่ได้ออกกำลังกาย ทำให้เป็นกิจวัตรจนรู้สึกว่าขาดอะไรไปหากไม่ได้ออกแรง
4.รู้จักร่างกายตัวเอง - การใช้พลังงานและเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มขึ้นจากที่เคยใช้ในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องพื้นฐานของการออกกำลังกาย แต่หากมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าลืมทำความรู้จักสภาพร่างกายตัวเอง ศึกษาเรียนรู้วิธีการอย่างถูกต้องและทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใจร้อน ไม่หักโหม เพื่อหลีกเลี่ยงความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บ จนรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอทั้งนี้ หากทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้เห็นผลดีที่เกิดขึ้นกับสุขภาพร่างกายได้เร็วขึ้น ยิ่งเป็นการเสริมสร้างกำลังใจในการออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง
5.ประกาศตัวออกมาดังๆ - การเก็บความตั้งใจเอาไว้ในใจอาจไม่เป็นประโยชน์มากนัก เพราะเราจะหาข้ออ้างที่จะไม่อยากทำมาให้กับตัวเองได้เสมอ การประกาศเจตนารมณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำให้คนรอบตัวได้รับรู้อย่างเปิดเผย จะทำให้มีคนคอยช่วยกระตุ้นหรืออาจได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์พากันไปออกกำลังกายด้วยกันเสียอีกดังนั้น อย่าลังเลที่จะบอกสิ่งดีๆให้คนอื่นรู้หรือคิดว่ารอให้ตัวเองทำสำเร็จก่อนค่อยป่าวประกาศ บางครั้งแรงผลักดันก็มาจากคนรอบตัวของเราเอง
6.ใครว่าตัวช่วยไม่สำคัญ - มีเครื่องมือเครื่องใช้มากมายที่นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายแล้ว ยังดึงดูดความสนใจให้เราอยากออกไปใช้ตัวช่วยนั้นๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นชุดและรองเท้าที่เราถูกอกถูกใจซึ่งใส่แล้วดูเก่งขึ้นราวกับเป็นนักกีฬาอาชีพ หรือแม้แต่สายข้อมือที่ช่วยเก็บข้อมูลในการทำกิจกรรมซึ่งหาซื้อได้หลากหลายรุ่นในปัจจุบัน หากมีงบประมาณจำกัดก็อาจใช้สมาร์ทโฟนที่มีกันแทบทุกคนฟังเพลงที่ชอบไปด้วย หรือดูรายการออกกำลังกายในยูทูปแล้วลองทำตามดู สิ่งเหล่านี้แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือไม่จำเป็น แต่ก็ช่วยสร้างแรงจูงใจที่ดีในการตัดสินใจออกไปทำอะไรสักอย่างกับตัวเอง
7.สภาพแวดล้อมไม่ใช่ข้อจำกัด - ข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่มักถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างชั้นดีในการผัดผ่อนที่จะไม่ทำ ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าการออกกำลังกายมีหลากหลายวิธี เราจึงสามารถปรับรูปแบบให้เข้ากับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้เสมอ คนที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง เพลิดเพลินกับการชมนกชมไม้ ก็อาจฝึกใช้อุปกรณ์เครื่องออกกำลังช่วยเมื่อเวลาหรือสภาพอากาศไม่อำนวย บางคนสะดวกเฉพาะในร่ม ก็อาจลองออกแดดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศกระตุ้นให้อยากทำอะไรใหม่ๆบ้างในบางครั้ง
8.ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ - ยุคสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นคนในเพศหรือวัยใดก็สามารถเพิ่มพูนความรู้ด้านสุขภาพและการออกกำลังการอย่างถูกวิธีให้กับตัวเองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จากข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือหรือบทความที่น่าสนใจซึ่งมีเผยแพร่มากมายบนโลกออนไลน์ให้เราได้เรียนรู้และลองนำเทคนิคใหม่ๆมาใช้กระตุ้นความสนใจได้ไม่น้อย นอกจากนี้ตัวเราเองอาจใช้ช่องทางดังกล่าวในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนนำเสนอบรรยากาศการออกกำลังกายที่น่าสนใจร่วมกับคนอื่นได้เช่นกัน
9.ลองลงแข่งขันดูบ้าง - การออกกำลังกายในหลายประเภทมักมีการรวมกลุ่มผู้สนใจมาเข้าร่วมแข่งขันกันตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการเดิน-วิ่ง ขี่จักรยาน หรือแม้แต่การเต้นแอโรบิค ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบจริงจังและแบบมีส่วนรวมในการกุศล สิ่งนี้เองที่กระตุ้นให้เรามีความตั้งใจอยากที่จะฝึกซ้อมเพิ่มขึ้น แม้ไม่ได้คำนึงถึงผลแพ้-ชนะ อย่างน้อยก็ช่วยให้เราได้รู้สมรรถภาพทางร่างกาย ได้แข่งขันกับตัวเองเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายอันเป็นความสำเร็จส่วนตัวที่ทำให้ยิ้มกับตัวเองทุกครั้งที่นึกถึง นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางในการเปิดโอกาสที่ดีให้กับตัวเองได้พบปะกับกลุ่มเพื่อนที่สนใจในสิ่งเดียวกันได้อีกด้วย
อ่านถึงตรงนี้คงช่วยให้หลายๆคนรู้สึกว่าตัวเองกลับมามีไฟที่จะออกกำลังกายกันบ้างแล้ว เอาล่ะ...ออกไปยืดเส้นยืดสายกันสักหน่อยดีกว่า!