ประชุม คกก.ควบคุม ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน นัดแรก บอร์ดบริหาร ร.ร.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สช.ชี้ให้เวลาดำเนินการเต็มที่ จะควบคุมนานเท่าไรยังบอกไม่ได้ ด้านอดีต ผอ.ร.ร.เห็นด้วยมี คกก.ควบคุม หวังมีการตรวจสอบเป็นกลาง ได้ทางออกที่ดีทุกฝ่าย ยันไม่ต้องการให้มาช่วยให้พ้นผิด
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด ประธานคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมฯ นัดแรก หลังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มีคำสั่งเข้าควบคุม โดย นายเรวัต ให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุม ว่า ครั้งนี้ถือว่าเป็นการมาคุยในรายละเอียด ซึ่ง ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน มีปัญหาค่อนข้างมาก เป็นเหตุผลที่รัฐต้องเข้ามาช่วยดูแล ถือเป็นงานใหญ่ และกรรมการที่เชิญมาก็เป็นบุคคลที่มีเกียรติ มีชื่อเสียงระดับประเทศ ทั้ง นายเทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวันชัย ศิริชนะ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นายพรชัย มาตังคสมบัติ อดีตอธิบการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ เข้ามาช่วยกันดูแล โดยเรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว ช้าไม่ได้ แต่จะให้บอกว่าเสร็จเมื่อไรนั้นคงไม่ได้ ต้องแล้วแต่สภาพปัญหา
นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ตนเข้ามาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการควบคุมฯ ซึ่งขณะนี้ถือว่า มูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย ในฐานะผู้รับใบอนุญาต และคณะกรรมการบริหารโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ลงชั่วคราว และส่งมอบบัญชีทรัพย์สินให้คณะกรรมการควบคุมภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการจะต้องเสียค่าปรับวันละ 100,000 บาท ตามกฎหมาย ส่วนกรอบระยะเวลาการควบคุมนานเท่าไรคงตอบไม่ได้ เพราะต้องให้เวลาคณะกรรมการควบคุมทำงานอย่างเต็มที่ เรื่องนี้มีผลกระทบกับหลายฝ่าย ส่วนที่ทางมูลนิธิฯ เตรียมจะยื่นอุทธรณ์ นั้นถือเป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สช. เข้าไปควบคุมโรงเรียนเอกชนแล้ว ทั้งหมด 5 แห่ง ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน เป็นแห่งที่ 6 โดยการเข้าควบคุมแต่ละที่มีเหตุผลต่างกัน เช่น ผู้รับใบอนุญาตฯ เสียชีวิต ขาดผู้บริหาร เกิดปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ มีปัญหาแตกต่างจากที่อื่น ดังนั้น จึงต้องให้เวลาคณะกรรมการควบคุม ดำเนินการตรวจสอบ
นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ อดีต ผอ.ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่ให้โรงเรียนอยู่ในการควบคุม ซึ่งส่วนตัวมีจุดยืนชัดเจน ไม่ได้ต้องการให้คณะกรรมการควบคุม มาช่วยให้ตนพ้นผิด ขอแค่ให้ตรวจสอบอย่างเป็นกลาง เป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย แม้ผลจะออกมาว่าตนมีความผิดจริงก็พร้อมจะยอมรับ เพราะเป็นครู ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก ทั้งนี้ ส่วนตัวมีโอกาสได้พูดคุยกับนายวิศาล มหชวโรจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ ในช่วงที่เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังไม่ลงตัว โดยทาง กมธ.การปกครองยื่นข้อเสนอให้เริ่มต้นใหม่ ให้ตนและอดีตผู้จัดการโรงเรียนกลับมารับตำแหน่งเดิม และเริ่มกระบวนการตรวจสอบโดยตั้งคนกลางเข้ามา แต่ทาง นายวิศาล ไม่เห็นด้วย ดังนั้น กมธ. จึงตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาตรวจสอบอีกชุดหนึ่ง ส่วนที่มีการระบุว่า ตนจัดม็อบใช้เด็กนักเรียนเป็นเครื่องต่อรองนั้น ใครจะพูดอย่างไรก็ได้เรื่องนี้ มองได้ทั้งแง่ร้ายและดี