กรมควบคุมโรค ดันโครงการ uVilleCare เซตระบบดูแลคนเมืองกว่า 8 ล้านคน ในพื้นที่แออัด บ้านจัดสรร คอนโด การเคหะ หวังแจ้งเตือนความเสี่ยงสุขภาพ เกิดเหตุฉุกเฉินเข้าถึงได้ทัน จัดทำแพคเกจสุขภาพตรงความต้องการ หวังลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ 5.9 พันล้านบาท เตรียมเริ่ม ธ.ค.นี้เป็นของขวัญปีใหม่
วันนี้ (8 พ.ย.) นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวภายหลังเปิดการประชุมพัฒนาความร่วมมือเครือข่ายและบูรณาการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ไขปัญหาโรคและภัยสุขภาพ ว่า ปี 2561 ประเทศไทยมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลเมือง 37 ล้านคน หรือร้อยละ 50.05 ทำให้รูปแบบของที่พักอาศัยเปลี่ยนแปลงไป หากเป็นเมืองขนาดใหญ่โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีลักษณะเป็นชุมชนแนวตั้งเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เมืองเกิดขึ้นใหม่ในต่างจังหวัดจำนวนบ้านจัดสรรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้นกว่า 5 เท่าตัว การขึ้นของจำนวนบ้านจัดสรรอย่างรวดเร็วเริ่มส่งผลกระทบต่อระบบการดูแลสุขภาพ ผู้สูงอายุในบ้านจัดสรรมากถึงร้อยละ 60 ขาดการจัดการดูแลเชิงระบบ เสี่ยงต่อการเกิดโรค ภาวะฉุกเฉิน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร และ 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งหมดในแต่ละปี เกิดขึ้นในบ้าน เช่น ไฟไหม้ พลัดตกจากที่สูง และพบว่า 3 ใน 4 ของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดขึ้นในบ้านเช่นกัน ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านการเข้าถึงระบบบริการปฐมภูมิ
นพ.ปรีชา กล่าวว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ชุมชนการเคหะ ประมาณ 8 ล้านคน คาดว่ามีผู้ป่วยโรคเรื้อรังกว่า 3 ล้านคน ท่น่าห่วงคือยากต่อการควบคุมโรค ไม่มีอาสาสมัครสาธารณสุข จำเป็นต้องจัดการพื้นที่สุขภาพมุ่งเป้า (Health Enhancing Zone : HEZ) เน้นให้เกิดการป้องกันควบคุมโรคที่ประชาชน ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งผลักดันโครงการยูวิลแคร์ (uVilleCare) เพื่อให้เกิดสุขภาพดีเริ่มที่บ้าน (healthy home) โดยการเชื่อมใช้เทคโนโลยีในการป้องกันควบคุมโรคความดันโลหิต เบาหวาน การบริหารจัดการเข้าถึงวัคซีน หรือเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน สามารถเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินได้ทันเวลาผ่านการประสานความร่วมมือกับสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งโครงการนี้ จะลดค่าใช้ภาครัฐได้มากถึง 5.9 พันล้านบาท จากการลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิต
"โครงการยูวิลแคร์ (uVilleCare) จะนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาออกแบบให้มีระบบแจ้งเตือน ในบ้านของตนเองในขณะที่ออกไปทำงานนอกบ้าน และนำมาใช้จัดการป้องกันควบคุมโรคที่ลดขั้นตอน เช่น แจ้งเตือนสุขภาพผู้มีภาวะเสี่ยง และยังครอบคลุมโรคเรื้อรัง และการบริการวัคซีน รวมถึงภาวะฉุกเฉินให้เข้าถึงสถานบริการได้ทันเวลาผ่านความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ส่งผลให้ลดการป่วย การตาย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้ ทั้งนี้ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 เขต ทั่วประเทศ จะเป็นหน่วย วิเคราะห์ ส่งการแจ้งเตือนสถานะสุขภาพ และจัดแพ็คเกจดูแลสุขภาพได้ตรงความต้องการของประชาชนมากขึ้น หวังผลให้เกิดฐานข้อมูลสุขภาพในหมู่บ้านจัดสรร ครอบคลุมประชากร 8 ล้านคน ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อการบริการต่างๆ ในระบบบริการดูแลสุขภาพเขตเมือง (HEZ) แบบมีส่วนร่วมของหมู่บ้านท้องถิ่นและเอกชนที่เข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ ประชาชนมีสุขภาพดี โดย ธ.ค.จะเริ่มดำเนินการ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2563 ให้กับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองทั่วประเทศ" นพ.ปรีชา กล่าว