"หม่อมเต่า" แจงกองทุนประกันสังคมยังมั่นคง ส่วนระยะยาวจะหาวิธีที่เหมาะสม ลุยลงทุนสร้างผลตอบแทน หลังผู้สูงอายุล้น คนทำงานน้อย ต้องจ่ายเงินบำนาญต่อเนื่อง ด้าน คสรท.ติงก่อนให้ผู้ประกันตนจ่ายเพิ่ม หรือขยายอายุรับเงิน ต้องแก้ปัญหาภายในก่อน ปฏิรูปโครงสร้าง ลดใช้เงินไม่จำเป็น เล็งใช้มาตรการกฎหมายจัดการ
ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และรับฟังปัญหากรณีกองทุนประกันสังคมจะหมดลงภายใน 15 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากรายงานคณิตศาสตร์ประกันภัยของ สปส.ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) รายงานเมื่อปี 2015 สถานะของกองทุนประกันสังคมในปัจจุบันยังมีความมั่นคง แต่ด้วยปัจจัยในอนาคตที่ต้องพบกับปัญหาผู้สูงอายุมากขึ้น แรงงานเข้าระบบประกันสังคมลดลง ในขณะเดียวกันมีการพัฒนาสิทธิประโยชน์สูงขึ้น ปัจจัยเช่นนี้ส่งผลถึงสถานะของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวจริง อย่างไรก็ตาม สปส.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เฝ้าติดตามตัวเลขปัจจัยที่มีผลกระทบกับสถานะของกองทุน ซึ่งการดำเนินการแก้ปัญหาต้องคำนึงถึงระยะเวลา ความเหมาะสมกับสถานการณ์ ภาวะเศรษฐกิจ และต้องหาวิธีการดำเนินการที่เหมาะสมให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้กองทุนมีความมั่นคง ยั่งยืนยาวนานตลอดไป
"ปัจจุบัน สปส.เองก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลการลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ www.sso.go.th เพื่อให้เกิดการรับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินงานของ สปส. ขอให้ผู้ประกันตนมีความเชื่อมั่นในการบริหารกองทุนและการสร้างผลตอบแทนสะสมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้แก่กองทุนประกันสังคม ในการที่จะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายในการดูแล และพัฒนาสิทธิประโยชน์กลับคืนสู่ผู้ประกันตนทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป" ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าว
ด้านนายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงประเด็นกองทุนประกันสังคม กรณีบำนาญชราภาพประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท จะประสบปัญหาเสถียรภาพทางการเงิน และจะหมดลงในอีก 15 ปีข้างหน้า ว่า ประเด็นนี้เป็นข้อกังวลมานานแล้ว เนื่องจากต้องยอมรับว่า ปัจจุบันคนทำงานที่เข้าระบบประกันสังคมน้อยลง เพราะเด็กรุ่นใหม่ก็ไม่อยากเป็นลูกจ้าง หลายคนทำงานฟรีแลนซ์ หลายคนประกอบอาชีพส่วนตัว ขณะที่จำนวนผู้ประกันตนชุดเดิมที่มีจำนวนมากก็ใกล้จะเกษียณอายุ 55 ปี ที่สำคัญตามระบบจะต้องจ่ายเงินบำนาญไปเรื่อยๆ ซึ่งคนเราไม่ใช่ว่าจะอายุสั้น อย่างถ้าผู้ชายอายุขัยประมาณ 70 ปี ถ้าผู้หญิงประมาณ 65 ปี ซึ่งแค่นี้ก็จ่ายเงินเป็นสิบๆ ปีแล้ว ดังนั้น หากไม่มีการปรับปรุงการบริหารเงินกองทุน แน่นอนว่าเงินหมดแน่นอน
“ก่อนหน้านี้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เล็งเห็นปัญหานี้ดี และได้มีการวิจัยต่างๆ จนพบว่า การจะให้กองทุนบำนาญชราภาพอยู่รอด ทำได้ 2 วิธี คือ 1.อาจต้องเพิ่มเงินสมทบของผู้ประกันตนมากขึ้น จำนวนเท่าไรก็มีการคิดเป็นขั้นบันได และ 2. ยืดระยะเวลารับเงินบำนาญให้ยาวออกไปจาก 55 ปี ขยายไป 60 ปี ซึ่งกรณีนี้คนที่ใกล้จะเกษียณอยู่แล้ว อยู่ๆ หากมาโดนยืดออกไปจะรู้สึกอย่างไร กรณีนี้หากทำจริงก็ต้องสมัครใจ แต่สุดท้ายเรื่องก็ยังนิ่งอยู่ จนล่าสุดทาง ม.ร.ว.จัตุมงคล ออกมาพูดว่า สถานะของกองทุนดี ไม่มีทางล้ม เพียงแต่ก็ต้องมองอนาคตด้วยว่า ควรมีการปรับปรุงเพื่อให้กองทุนดีขึ้น ผมว่าเหมือนส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ แสดงว่าอาจมีความเป็นไปได้ในเรื่องเงินกองทุนบำนาญ” นายชาลี กล่าว
นายชาลี กล่าวอีกว่า การที่จะรับมือเพื่อให้กองทุนบำนาญอยู่รอดนั้น จริงๆ ไม่ควรผลักภาระให้ผู้ประกันตน แต่ สปส.ต้องบริหารจัดการภายในก่อน อย่างที่ผ่านมาพบว่า สปส.ใช้งบประมาณในการจัดทำปฏิทิน ซึ่งไม่จำเป็นเลย หรือการไปดูงานต่างประเทศ ก็ไม่รู้ว่าได้ผลลัพธ์อะไรกลับมา รวมไปถึงการจัดฝึกอบรมบุคลากรที่ใกล้เกษียณ อยากถามทางสปส.ว่า มีการใช้งบอย่างไร ดังนั้น สปส.ควรปฏิรูปโครงสร้างตนเอง พวกตนเรียกร้องมานาน ก็อยากให้มีการปฏิรูป เพื่อจะได้เป็นองค์กรอิสระ มีบุคคลนักวิชาการที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วย และสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้กำลังหารือกับทนายว่า หากสปส.ยืนยันเดินหน้าเพื่อให้กองทุนมีเสถียรภาพ ด้วยการให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเพิ่ม หรือขยายอายุรับเงินบำนาญ ก็คงต้องมีมาตรการทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้