สธ.ชวนหญิงไทยตรวจเต้านมด้วยตนเอง เผยอาการผิดปกติควรพบแพทย์

สธ.ชวนผู้หญิงไทยตรวจเต้านมด้วยตัวเองทุกเดือน หากอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจเพิ่มด้วยการเอกซเรย์ทุกปี เผยอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ เช่น มีก้อน รูปร่างขนาดเต้าเปลี่ยนไป มีเลือด น้ำหลืองไหลจากหัวนม สีลานหัวนมเปลี่ยน เจ็บเต้านม รักแร้ข้างเดียว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เดือน ต.ค.ของทุกปี เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านมทั่วโลก ซึ่งมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก โดยปี 2561 สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า พบผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมรายใหม่ทั่วโลก 2,088,849 ล้านคน เสียชีวิตถึง 626,679 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบหญิงไทยป่วยด้วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ถึงวันละ 41 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน และเสียชีวิตถึง 10 คนต่อวัน โดยกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่จะพบในหญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป สำหรับการรณรงค์จะมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งเต้านม สอนการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง และสร้างความตื่นตัวให้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพเต้านมตนเอง และเข้ารับการคัดกรองมะเร็งเต้านมอยู่เสมอและต่อเนื่อง ซึ่งหากตรวจพบโรคดังกล่าวทำให้สามารถเข้ารับการักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็ง คือ หลีกเลี่ยงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ รับประทานอาหารที่หลากหลายให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก ผลไม้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของมื้ออาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไปควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเพิ่มเติมด้วยการเอกซเรย์เต้านมทุกปีและมาพบแพทย์หากพบความผิดปกติของเต้านม เช่น มีก้อนที่เต้านมหรือรักแร้ รูปร่างหรือขนาดของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไป มีน้ำเลือด หรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากหัวนม รูปร่างหรือขนาดของหัวนมที่เปลี่ยนแปลงไป สีหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมที่เปลี่ยนไป เช่น รอยบุ๋ม รอยย่น อาการเจ็บผิดปกติที่เต้านมหรือรักแร้โดยเฉพาะเจ็บข้างเดียว ผิวหนังของเต้านมที่เปลี่ยนไปให้รีบไปพบแพทย์ใกล้บ้านเพื่อวินิจฉัยโรคได้อย่างตรงจุด

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับวิธีการรักษามะเร็งเต้านม ประกอบด้วย การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การใช้รังสีรักษา การใช้ยาต้านฮอร์โมน และการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งการรักษาจะไม่ใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง แต่มักจะใช้หลายๆวิธี ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งการตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้มีสูงขึ้น หากตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะที่ 1 – 2 อัตราการอยู่รอดที่ 5 ปี สูงถึงร้อยละ 85 -99 หากตรวจพบในระยะที่ 3 อัตราการอยู่รอดเพียงร้อยละ 40-60 และหากตรวจพบในระยะที่ 4 อัตรารอดเหลือร้อยละ 18-20