ช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ หลายคนต่างเดินทางไปท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับภูมิลำเนา มีการใช้ยานพาหนะจำนวนมาก มีโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจราจรได้ง่าย นอกจากสาเหตุหลักจากการเมาแล้วขับ ยังมีเรื่องของง่วงแล้วขับและการหลับในอีกด้วย หากไม่มีการเตรียมความพร้อมร่างกายและยานพาหนะให้ดี ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) การเตรียมความพร้อมทั้งคนทั้งรถก่อนการเดินทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยการเตรียมคนขับถือว่าสำคัญมาก เพราะต้องดูแลชีวิตของคนบนรถ และยังอาจส่งผลไปยังคนอื่นๆ ที่ร่วมทางด้วย และการเตรียมรถขอให้ตรวจสอบสภาพรถ ตรวจเช็กลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว ตรวจระบบเบรกให้มีความสมบูรณ์และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ตรวจสอบน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอรี เติมน้ำมันเครื่องให้พร้อม และควรมีเครื่องมือประจำรถและอะไหล่ต่างๆ สำรองติดรถเอาไว้
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำ 6 วิธีปฏิบัติ ในการขับขี่ให้ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนี้ 1.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.พักผ่อนให้เพียงพอ 3.ตรวจเช็กความพร้อมของยานพาหนะ 4.ใช้บริการรถสาธารณะ 5.คาดเข็มขัดนิรภัย และสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง และ 6.หลีกเลี่ยงการเล่นสาดน้ำท้ายรถกระบะ
นอกจากนี้ ยังมีอีก 5 วิธีแก้ง่วงในระหว่างเดินทาง ได้แก่ 1.หาเครื่องดื่มช่วยเพิ่มความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น ที่สามารถเพิ่มความสดชื่นและทำให้ตื่นตัวได้เป็นอย่างดี 2.หาของกินระหว่างขับ เช่น มันฝรั่ง ลูกอม หมากฝรั่ง นอกจากจะคลายหิวแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัวอีกด้วย 3.สร้างความสดชื่นด้วยการลดอุณหภูมิ ปรับความเย็นแอร์ลงหรือเร่งพัดลมแรงขึ้น หันเข้าหาตัว หรือลดกระจกลงเพื่อรับอากาศจากภายนอกบ้าง และควรเตรียมผ้าชุบน้ำไว้เช็คหน้าด้วย 4.เปิดเพลงฟัง จะช่วยสร้างความครื้นเครงและทำให้ตื่นตัวขณะขับรถ และ 5.ขยับร่างกายเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ เพราะการขับรถนานๆ จะทำให้มีอาการง่วง การได้ขยับร่างกายเล็กๆน้อยๆ จะช่วยลดการเมื่อยล้า
ด้าน นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ก่อนขับรถทางไกล ผู้ขับควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8ชั่วโมง เตรียมผ้าเย็นเวลาง่วง สวมแว่นตากันแดดขณะขับรถ และสิ่งสำคัญควรตรวจสภาพของรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน ปรับการนั่งขับรถให้ถูกต้อง โดยเลื่อนเบาะที่นั่งให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับตนเอง หลังพิงพนักพอดี ไม่นั่งห่างหรือชิดพวงมาลัยมากเกินไปเพราะจะทำให้หลังโค้ง พิงพนักไม่ได้ หรือพิงได้แต่เวลาขับต้องเหยียดแขนและเข่ามากขึ้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปวดหลัง ซึ่งหากปวดหลังเป็นเวลานานและไม่มีการดูแลอย่างถูกวิธี อาจทำให้เสี่ยงปวดหลังถาวรได้และควรคาดเข็มนัดนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยขณะขับรถทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
นพ.อุดม อัศวุตมางกุร ผู้อำนวยการกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า ระหว่างการเดินทาง ผู้ขับรถยนต์สามารถลดอาการเมื่อยล้าได้แม้อยู่ในรถ ขณะที่รถหยุดนิ่งหรือในช่วงรถติด ด้วยการบริหารร่างกายง่าย ๆ เช่น ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อคอ ให้เอียงคอลงมาข้างขวา เข้าหาหัวไหล่ให้ฝั่งตรงข้ามรู้สึกตึงทำค้างไว้ประมาณ 15 วินาที จากนั้นสลับปฏิบัติด้านตรงข้าม ท่ายืดไหล่ ทำได้โดยนั่งยืดตัวแล้วบีบไหล่ยกขึ้นไปหาใบหู ค้างไว้ นับ 1-3 แล้วเอาลง จากนั้นทำซ้ำ 5 ครั้ง จะช่วยคลายเมื่อยได้ นอกจากนี้ การบริหารใบหน้าและตาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คลายง่วง มีวิธีการง่ายๆ เริ่มจาก
ท่าที่ 1 หลับตา เพื่อพักสายตาประมาณ 10-30 วินาที
ท่าที่ 2 หันหน้าไปทางขวาค้างไว้ 5 วินาที กลอกตาขึ้นลง 5 วินาทีหันไปทางด้านซ้ายทำเหมือนเดิม ทำซ้ำ 5 ครั้ง
ท่าที่ 3 แลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุดค้างไว้ 60 วินาที
ท่าที่ 4 ยกคิ้วขึ้นเปิดตาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห่อปาก ทำซ้ำ 5 ครั้ง
ท่าที่ 5 เปิดตาให้กว้างที่สุดโดยไม่ต้องยกคิ้วขึ้นทำซ้ำ 5 ครั้ง
ท่าที่ 6 เงยหน้ามองที่เพดานค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 5 ครั้ง
ท่าที่ 7 หายใจเข้าลึกๆขณะหายใจออกให้ห่อปากพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกัน ทำท่านี้ 30 - 60 วินาที
ท่าที่ 8 ยกมือขวาให้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางติดกันวางไว้บนโหนกแก้มขวา กดลงเล็กน้อย จากนั้นให้ยิ้มกว้างเพื่อยกโหนกแก้มให้สูงขึ้น ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นสลับมาด้านซ้าย ทำซ้ำเหมือนเดิมสลับไปมาข้างละ 3 ครั้ง จะช่วยผ่อนคลายและ แก้ง่วงได้