อย.เร่งร่าง กม.ลูก กำหนดโรค-ตำรับยา ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบันที่ใช้กัญชารักษาได้ แจงร่าง กม.นิรโทษผู้ป่วยครอบครองกัญชา เปิดกว้างกลุ่มโรคที่น่ามีประโยชน์ และช่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย ย้ำหลังแจ้งต้องเข้าสู่ระบบใหม่ มีแพทย์แผนปัจจุบัน-แผนไทย สั่งจ่ายตามเหมาะสม ปิดช่องซื้อนอกระบบ
อย.จ่อชงร่าง กม.“นิรโทษ” ผู้ครอบครองกัญชา 14 ก.พ.นี้ แจ้งใน 90 วัน ไม่ต้องรับโทษ
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการเตรียมออกอนุบัญญัติเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ... ซึ่งมีประกาศในส่วนของการนิรโทษผู้ครอบครองกัญชาด้วยนั้น ว่า หากมาแจ้งการครอบครองกัญชาภายใน 90 วันตามที่กำหนดหลังจากกฎหมายใหญ่บังคับใช้ ก็จะไม่ต้องรับโทษ และออกแบบให้บางกลุ่มสามารถครอบครองต่อไปได้ เช่น ถ้าเป็นคนไข้จริง เป็นแพทย์แผนไทยจริง เป็นหมอพื้นบ้าน หรือจะทำงานวิจัยต่อ แต่ก็ต้องมาขออนุญาตตามกฎกระทรวงใหม่ ซึ่งผู้ป่วยก็จะได้รับการดูแลจากแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนไทยในการสั่งยาจากกัญชาเพื่อดูแล โดยไม่ต้องไปหาซื้อจากนอกระบบ เป็นการคุ้มครองประชาชน ส่วนกลุ่มที่ไม่มาแจ้งก็ต้องเอาผิดตามกฎหมายเพราะการครอบครองถือว่ามีความผิด ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นผู้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย
นพ.ธเรศ กล่าวว่า นอกจากประกาศนิรโทษ 2 ฉบับ และกฎกระทรวงเรื่องการผลิต การปลูก สกัด วิจัย จำหน่าย และส่งออก แล้วนั้น ยังมีประกาศฉบับอื่นๆ ที่เร่งดำเนินการอีก ซึ่งจะมีเรื่องของประกาศตำรับยาจากกัญชา ซึ่งได้ให้กรมการแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ไปดูว่าโรคอะไร ตำรับอะไรบ้างที่จะใช้กัญชาบำบัดรักษา และกำลังไปดูวิธีในการเขียนประกาศอยู่ว่า ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทยจะอยู่ในประกาศเดียวกันหรือไม่ หรือหากสะดวกอาจออกประกาศแยกกันก็ได้ และอีกฉบับจะเป็นประกาศประเภทแพทย์แผนไทยว่า แพทย์แผนไทยประเภทไหนที่สามารถใช้ได้ ส่วนประกาศอื่นๆ จะเป็นลักษณะของระบบรายงาน ระบบหลังบ้านต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราเคยทำกับยาเสพติดทางการแพทย์อื่นๆ อย่างมอร์ฟีนมาแล้ว ก็จะมีความคล้ายกัน ซึ่งการออกอนุบัญญัติเหล่านี้ก็เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่อะไรที่อาจเป็นอุปสรรคก็อาจออกแนวทางเพิ่มเติมได้ โดยอาจออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือออกเป็นไกด์ไลน์ได้ ถือเป็นการพัฒนา
เมื่อถามว่า ผู้ป่วยที่มาแจ้งครอบครองกัญชา ต้องเป็นผู้ป่วยโรคตามที่กำหนดหรือไม่ นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มโรคเป็นตามที่เราคุยกับกรมการแพทย์ คือ กลุ่มแรก มี 4 โรคชัดเจนที่สามารถใช้ได้ กลุ่มสอง คือ น่าจะมีประโยชน์ และอีกกลุ่มทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งคิดว่า 2 กลุ่มนี้ที่อาจเปิดกว้าง แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพ อย่างมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ไม่ได้รักษามะเร็ง หรือกลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้าย อาจทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่จะใช้กัญชาในการบำบัดโรคนั้น ได้ให้กรมการแพทย์ประมาณการณ์จำนวนผู้ป่วยและปริมาณที่ต้องการใช้กัญชาในการบำบัดรักษาโรค เพราะประเทศไทยอยู่ใต้สนธิสัญญา ดังนั้น โควตาการผลิตต้องแจ้งให้องค์การควบคุมยาเสพติดระดับโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรียรับทราบด้วย