xs
xsm
sm
md
lg

ไทยตายคาถนนวันละ 60 คน แนวโน้มลดลง เหลืออันดับ 9 ของโลก จ่อลุยห้ามเด็กต่ำกว่า 15 ปีแว้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


WHO ชี้ไทยแนวโน้มตายคาถนนลดลง จากอันดับ 2 ของโลก เหลืออันดับ 9 เฉลี่ยตายวันละ 60 คน สอดคล้อง 3 ฐานข้อมูลของไทย กรมควบคุมโรคเดินหน้ามาตรการตรวจแอลกอฮอล์คนขับขี่เกิดอุบัติเหตุ ปี 62 เตรียมลุยโครงการอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่ขี่มอเตอร์ไซค์

วันนี้ (25 ธ.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดทำรายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา พบว่า จากข้อมูลปี 2559 ทั่วโลกมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 1.35 ล้านคนต่อปี เฉลี่ย 3,700 คนต่อวัน เป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตของเด็กและเยาวชนทั่วโลก โดยครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน สำหรับประเทศไทย องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 32.8 ต่อประชากรแสนคน จำนวน 22,491 คน เฉลี่ยวันละ 60 คน อยู่อันดับที่ 9 ของประเทศสมาชิกทั้งหมด ซึ่งดีขึ้นจากเดิมที่เคยอยู่อันดับ 2

สำหรับการประมาณการดังกล่าวใกล้เคียงกับรายงานการบูรณาการข้อมูลของกรมควบคุมโรคร่วมภาคีหลายหน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และฐานข้อมูลจากมรณบัตรในปี 2559 พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทย มีจำนวน 21,745 คน คิดเป็น 31.58 ต่อประชากรแสนคน นพ.สุวรรณชัย กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตบนท้องถนนของประเทศไทยยังอยู่ในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและถือว่ายังสูงมากเมื่อเทียบประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน วัยหนุ่มสาว ในช่วงอายุ 15-29 ปี ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้รถจักรยานยนต์ จึงจำเป็นต้องปกป้องกลุ่มคนดังกล่าวให้ปลอดภัย ตามสิทธิที่ควรได้รับของประชาชนคนไทย ซึ่งหน่วยงานในระดับประเทศและพื้นที่กำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในส่วนของกรมควบคุมโรค ในฐานะเป็นภาคีร่วมของการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศ ทั้งในด้านการจัดการข้อมูลโดยการบูรณาการข้อมูล 3 ฐาน การสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย โดยร่วมกับกรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันผลักดันให้มีการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุ โดยในรายที่เป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจได้ให้ตำรวจดำเนินการ ส่วนรายที่ไม่สามารถเป่าได้ให้ตำรวจส่งตัวไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาล ในด้านการป้องกัน จะเน้นการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่อำเภอและท้องถิ่น ตำบล ชุมชน โดยใช้กลไกการทำงานของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และกลไกศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอและท้องถิ่น (ศปถ.อำเภอ/ท้องถิ่น/ตำบล) เพื่อบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเพื่อปกป้องกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมีโครงการที่จะขับเคลื่อนในปี 2562 นี้ ได้แก่ โครงการอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และโครงการหน้าโรงพยาบาลปลอดภัย เนื่องจากพบว่ามีประชาชนสัญจรเข้าออกโรงพยาบาลตลอดเวลา ถนนหน้าโรงพยาบาลหลายแห่งกลายเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในโอกาสใกล้วันขึ้นปีใหม่ 2562 ประชาชนสัญจรท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนากันเป็นจำนวนมาก อยากให้คนไทยระมัดระวังอันตรายจากการสัญจร มีความตระหนัก รู้ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ขับรถเร็ว ดื่มไม่ขับ สวมหมวกนิรภัย คาดเข็มขัดนิรภัย ปฏิบัติตามกฎจราจร ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งด่านชุมชน และด่านตรวจ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและเพื่อนร่วมทาง หากพบเห็นอุบัติเหตุให้รีบโทร.แจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669


กำลังโหลดความคิดเห็น