สูติ-นรีแพทย์ ชี้ “ท้อง” ดูแค่ผลปัสสาวะไม่ได้ เหตุเกิดผลบวกลวงผลลบลวงได้ ต้องยืนยันด้วยผล “อัลตราซาวนด์” ย้ำมี “เด็ก” ในโพรงมดลูกจริงจึงเท่ากับการตั้งครรภ์ เผยอาการแรกตั้งครรภ์ คือ ประจำเดือนขาด นมคัด ไม่ใช่คลื่นไส้อาเจียน รับแท้งเกิน 1 สัปดาห์ตรวจสอบยาก เหตุมดลูกเข้าที่ไว ฮอร์โมนเด็กลดลงจนตรวจไม่เจอ
กลายเป็นมหากาพย์คาใจชาวโซเชียลมีเดียมานาน กับการออกมาประกาศว่าตั้งท้องของ “มิ้ง ศวภัทร” อดีตแฟนสาวนอกวงการของนักแสดงหนุ่ม กัปตัน ชลธร จนเกิดกระแสความเห็นใจ แต่มีการจับผิดถึงเรื่องดังกล่าว จนเกิดกระแสแฮชแท็ก #มิ้งโป๊ะแตก ที่ล่าสุดเจ้าตัวออกมาประกาศว่าแท้งผ่านอินสตาแกรม โดยระบุว่า แท้งจากสุขภาพและโรคประจำตัว รวมถึงภาวะเครียดจากกระแสสังคม การทำงานหนัก และดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนจะรู้ตัวว่าท้อง จนเกิดคำถามถึงเรื่องของการตรวจการตั้งครรภ์และการแท้งเป็นอย่างไร
วันนี้ (23 ก.ค.) พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูติ-นรีแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลพิจิตร กล่าวถึงการตรวจการตั้งครรภ์ ว่า การคิดว่าท้องของคนไข้และแพทย์นั้นต่างกัน ส่วนใหญ่ประชาชนจะคิดว่า อาการขาดประจำเดือน หรือคลื่นไส้อาเจียน คือ การตั้งครรภ์ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงอาการสงสัยการตั้งครรภ์เท่านั้น ส่วนอาการที่บอกว่าตั้งครรภ์จริงๆ ของแพทย์ คือ จะต้องมีเด็กหรือตัวอ่อนอยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งขั้นตอนการวินิจฉัยการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลนั้น แพทย์จะทำการซักประวัติก่อน มีอาการประจำเดือนขาดหรือไม่ โดยอาการแรกของการตั้งครรภ์ คือ ประจำเดือนขาดและอาการนมคัด ไม่ใช่อาการอย่างอื่น อย่างพวกคลื่นไส้อาเจียน จะเกิดตอนตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน
พญ.ชัญวลี กล่าวว่า สำหรับวิธีในการตรวจมี 3 วิธี คือ 1.การตรวจน้ำปัสสาวะ ซึ่งหากตั้งครรภ์จะมีการฮอร์โมนของเด็กอยู่ในปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์จะไม่ทราบว่า ปัสสาวะนั้นเป็นของใคร ดังนั้น การตรวจสารเสพติดตำรวจจึงต้องควบคุมว่าเป็นปัสสาวะของคนๆ นั้นจริง เพราะอาจมีสับเปลี่ยนกันได้ แต่การตรวจครรภ์นั้นเราให้เกียรติ ไม่ได้มีการไปคุมอะไรขนาดนั้น เพราะคิดว่าทุกคนที่มาก็เพราะอยากมีลูก อย่างไรก็ตาม การตรวจปัสสาวะอาจได้ผลบวกลวงหรือผลลบลวงได้ เช่น ปัสสาวะข้นเกินไป หรือมีโปรตีนบางอย่างมากเกินไป หรือบางคนเป็นโรคไทรอยด์ ก็จะสร้างผลบวกลวงออกมาได้ คือ ไม่ได้ท้องจริงแต่เกิดผลว่าท้อง หรือกรณีผลลวงอาจเกิดจาก ดื่มน้ำมากเกินไป จนปัสสาวะไปเจือจางฮอร์โมนเด็ก หรือการตั้งครรภ์เกิน 3 เดือน ก็จะตรวจไม่พบ ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจอย่างอื่นร่วมด้วย
พญ.ชัญวลี กล่าวว่า 2.การตรวจภายในร่วมด้วย โดยอาการตั้งครรภ์ คือ ปากมดลูกบวม มดลูกโตขึ้น มดลูกนิ่มขึ้น แต่การตรวจภายในบางคนอาจไม่สะดวก และ 3.การอัลตราซาวนด์ เพื่อยืนยันว่ามีเด็กอยู่ในโพรงมดลูกจริง ซึ่งบางคนผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก แต่ไม่ได้ตั้งครรภ์จริง เช่น เป็นท้องไข่ลม คือการท้องโดยไม่มีตัวเด็ก เหมือนไข่เป็ดไข่ไก่ที่ฟักไม่เป็นตัว ธรรมชาติจะทำให้หลุดไปประมาณ 2 เดือน โดยจะหลุดไปเอง หรือเกิดท้องแล้วฝ่อไป หรือท้องนอกมดลูก ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ไม่ปกติ ดังนั้น หากมีอาการขาดประจำเดือน หรือไม่ได้คุมกำเนิดแล้วประจำเดือนมาไม่ปกติ เบื้องต้นที่แนะนำ คือ ให้ซื้อที่ตรวจครรภ์ในการตรวจเบื้องต้น แต่ไม่ว่าผลการตรวจจะเป็นอย่างไรก็ควรมาพบแพทย์ว่า ใช่การตั้งครรภ์จริงหรือไม่ เป็นการตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ ท้องนอกมดลูกหรือไม่ เป็นการท้องลม ตั้งครรภ์ไข่ฝ่อหรือไม่ หรือหากผลเป็นลบ เป็นผลลบลวงหรือไม่ หรือเกิดจากปัญหาอื่นที่ทำให้ประจำเดือนขาดแล้วต้องรักษา
พญ.ชัญวลี กล่าวว่า สำหรับวิธีในการตรวจว่าแท้งลูกหรือไม่ สามารถตรวจได้จากน้ำปัสสาวะ โดยหากแท้งภายใน 3-5 วัน ในการตรวจช่วง 2-3 วันแรก จะยังพบฮอร์โมนเด็กอยู่ แต่ฮอร์โมนจะลดลงไปแบบครึ่งๆ หรือฮาล์ฟไลฟ์ หรือการตรวจภายในก็จะเห็นมีเลือดออก เนื่องจากหลังแท้ง มดลูกจะยังบวมโตอยู่ หรือการตรวจอัลตราซาวนด์ ก็จะเห็นว่าเยื่อบุโพรงมดลูกหนา หรือตัวมดลูกยังโตจากการแท้ง แต่ถ้าเกิน 1 สัปดาห์จะดูยาก โดยเฉพาะการแท้งในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนแรก เพราะมดลูกจะเข้าที่ไว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้องตั้งครรภ์จริงหรือท้องลม หากมีเลือดออก ก็ไม่ใช่ว่าจะหลุดออกมาง่ายๆ ก็ต้องไปโรงพยาบาลในการตรวจเช่นกัน เพราะหลุดแล้วอาจออกมาไม่หมด