กรมแพทย์แผนไทยฯ ลงนามร่วมหอการค้าไทย บริษัทห้องปฏิบัติการกลางฯ หนุนพัฒนาผู้ประกอบการ เกษตรกร และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เผยงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ วันแรกเงินสะพัดกว่า 292 ล้านบาท
วันนี้ (19 ก.ค.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้ลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการด้านสมุนไพร สามารถพัฒนาตนเองให้เข้มแข็ง ทั้งด้านนวัตกรรม และการบริหารจัดการธุรกิจ เตรียมความพร้อมในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศให้ธุรกิจสมุนไพร เป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกรอบข้อตกลงความร่วมมือนี้ มีระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ นพ.เกียรติภูมิ ยังลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ พ.ท.นราวิทย์ เปาอินทร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (CLT) เพื่อร่วมกันช่วยเหลือพัฒนาขีดความสามารถของกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการที่ปลูกพืชสมุนไพร และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ในการสนับสนุนตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ สร้างมาตรฐานด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้ทัดเทียมแผนปัจจุบัน มีคุณภาพและความปลอดภัย รวมทั้งยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ให้เป็นที่ยอมรับ ส่งผลให้สามารถขยายตลาดได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีส่วนช่วยให้การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยกรอบความข้อตกลงร่วมมือนี้มีระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ การลงนามร่วมกับ 2 หน่วยงาน จะมีผลทำให้การดำเนินการพัฒนาธุรกิจสมุนไพรไทย มีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น ทั้งในด้านข้อมูลวิชาการสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ หรือสมุนไพรไทย เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาดสากล และยังมีสามารถช่วยสนับสนุนด้านการเงินการลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เป็นโอกาสอันดีของประเทศเนื่องจากรัฐบาล และนโยบายหลายอย่างให้การสนับสนุนสมุนไพร โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็หวังให้สมุนไพรที่เรามีกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา แม้ว่าสมุนไพรไทยจะมีประวัติยาวนานแต่ก็ขาดการพัฒนาไปช่วงหนึ่ง และเพิ่งจะมีการเร่งพัฒนาเอาในช่วง 20 ปีมานี้ จากความร่วมมือของทุกฝ่าย เมื่อวาน (18 ก.ค.) ซึ่งเป็นการเปิดงานมหกรรมสมุนไพรฯ วันแรก ก็ได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจับคู่ธุรกิจทางการค้ากับต่างประเทศ ทั้งฮ่องกง อเมริกา เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ จีน มาเลเซีย ยุโรป ทำให้มีเงินสะพัด 292 ล้านบาท และคาดว่า มหกรรมสมุนไพร 4 วันนี้ จะทำให้มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จะเห็นว่าจากความร่วมมือกันนั้น เรามีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้ คิดว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่เครือข่ายมาร่วมลงนาม เป็นสัญญาใจในการพัฒนาสมุนไพรไทยให้ไปสู่การเป็นสมุนไพรโลก เพราะฉะนั้นการที่เราตั้งเป้าเป็นฮับสมุนไพรโลก (World Herb Hub) ใน 20 ปี ไม่แน่ว่าการร่วมมือของเราอาจจะทำให้เป้าหมายการเป็นฮับสั้นลง ภายใน 10 ปีก็ได้