“พ่อหมอขาว เฉียบแหลม” วัย 82 ปี คว้ารางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติปี 2561 ใช้ตำรับยา “ประสะน้ำนม” ดูแลหญิงหลังคลอดช่วยเพิ่มน้ำนมเลี้ยงลูก ไม่คิดค่ารักษา พร้อมอาสาเป็นหมอพื้นบ้านใน รพ.หนองสองห้อง ไม่คิดค่าตอบแทน จัดหาวัตถุดิบตำรับยามาแจกเอง รพ.เตรียมศึกษาวิจัยพร้อมจดลิขสิทธิ์เป็นสูตรพ่อหมอขาว
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานประชุมวิชาการและมหกรรมการแสดงผลงาน 100 ปี การสาธารณสุขไทย และงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 15 “โลกมั่นใจ สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 -21 ก.ค.2561 โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ พ่อหมอขาว เฉียบแหลม อายุ 82 ปี จาก จ.ขอนแก่น ในฐานะหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2561 และมอบรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (Prime Minister Herbal Awards : PMHA) เช่น ผลิตภัณฑ์สารสกัดขมิ้นชันแคปซูล “แอนติออกซ์” ขององค์การเภสัชกรรม และ มัสคูลสเปรย์ สเปรยืกระดูกไก่ดำ แก้อาการฟกช้ำปวดเมื่อย ของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2561 อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ให้แก่ “พ่อหมอขาว เฉียบแหลม” พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณและรางวัลเชิดชูเกียรติ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทในการรักษาและทำคุณประโยชน์ต่อการแพทย์แผนไทยอย่างชัดเจนมีความรู้ความชำนาญด้านการรักษาโรคสตรี นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ริดสีดวงทวาร และยาบำรุงร่างกาย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สมุนไพรไทยเป็นทรัพยากรเชิงพันธุกรรมและข้อบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญของไทย ซึ่งมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นที่นิยมทั้งในหมู่ชาวไทย และต่างชาติ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศปีละกว่า 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอาง มีมูลค่าประมาณ 192,600 ล้านบาท อาหารเสริม 51,848 ล้านบาท และยาสมุนไพร 7,548 ล้านบาท และปัจจุบันกำลังวางแนวทางพัฒนาสมุนไพรไทยระยะ 20 ปี (Samunprai Thai Roadmap 20) ภายใต้แนวคิดไทยแลนด์ 4.0 โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของสมุนไพรไพร (World Herb Hub) สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย 1.21-2.95 ล้านล้านบาท
ด้าน พ่อหมอขาว เฉียบแหลม หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2561 กล่าวว่า ตำรับยาประสะน้ำนม ตนได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นพ่อ ซึ่งเป็นหมอพื้นบ้าน ขณะที่คุณแม่ก็เป็นหมอตำแย ซึ่งตำรับยาประสาน้ำนม ประกอบด้วยสมุนไพร 9 ตัว คือ สีหวดหรือหวดข่า, ช้างน้าว, นมวัว,เครือหมากแตกรากตับเต่า, รากรุ่นไร่, ไผ่จืด, เล็บเหยี่ยว และ ฝางแดง ซึ่งหาได้จากธรรมชาติ นำมาต้มให้กับสตรีหลังคลอดดื่มเพื่อเพิ่มน้ำนม โดยรับประทานต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน นอกจากนี้ หากเป็นคนทั่วไปหรือผู้ชายก็สามารถดื่มได้ เพราะเป็นยาบำรุงกำลัง ทั้งนี้ ปัญหาหญิงคลอดไม่มีน้ำนมเป็นปัญหาใหญ่และพบได้มาก จึงนำตำรับยานี้มาใช้รักษา ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยคิดเงิน ปัจจุบันก็พยายามที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนในหมู่บ้าน แต่ที่เรียนรู้วิชาและช่วยเหลือเรื่องการเก็บสมุนไพรและดำเนินการต่างๆ ก็เป็นลูกเขยที่เข้ามาช่วย เพราะปัจจุบันตนก็อายุมากแล้ว และมีการถ่ายทอดความรู้ให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ ส่วนการเก็บสมุนไพรนั้นอาศัยการเก็บจากหัวไร่ปลายนาของป่าชุมชน ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องปลูกเพิ่ม อย่างตับเต่า ที่สมุนไพรลดน้อยลง ก็ต้องปลูกเพื่อทดแทน
นางนราทิพย์ พลภัทรากร แพทย์แผนไทยประจำ รพ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อปี 2557 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นมีการส่งเสริมให้มีหมอพื้นบ้านใน รพ. จึงได้จัดสรรงบประมาณ 40,000 บาท เพื่อทำโครงการจัดหาหมอพื้นบ้านเข้ามาทำงานที่ รพ. ก็พบว่า พ่อหมอขาว เป็นหมอชาวบ้านที่มีความรู้เรื่องตำรับยาประสะน้ำนม จึงขอให้พ่อหมอขาวมานั่งประจำที่ รพ.หนองสองห้อง ตั้งแต่วันจันทร์-วันพุธ เพื่อจ่ายยาดังกล่าว ให้กับหญิงหลังคลอด เป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งพบว่ายาตำรับยาดังกล่าวให้ผลดี คุณแม่หลังคลอดต่างพึงพอใจที่มีน้ำนมเพียงพอในการเลี้ยงลูก แม้แต่แพทย์แผนปัจจุบันที่คลอดบุตรเองเมื่อประสบปัญหาไม่มีน้ำนม แม้จะใช้วิธีการของแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่ได้ผล แต่เมื่อใช้ตำรับยานี้ก็พบว่าได้ผลดี ปัจจุบันตำรับยาดังกล่าวได้รับเลข 24 หลักซึ่งรับรองตำรับยาแผนไทย และอยู่ระหว่างการร่วมมือกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำการศึกษาคุณสมบัติของตำรับยาประสะน้ำนมหมอขาว รวมถึงศึกษาพื้นที่แหล่งกำเนิดของสมุนไพร 9 ตัวที่อยู่ในตำรับด้วย โดยได้รับงบฯ จากกรมการแพทย์แผนไทยฯ ซึ่งผลการวิจัยใกล้เสร็จแล้ว คาดว่าจะให้ผลการศึกษาที่ดีและเตรียมจดลิขสิทธิ์ต่อไป
“หลังเข้ามาร่วมให้ความรู้และจ่ายยาใน รพ.ช่วงวันจันทร์-พุธ ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ได้รับการชื่นชมจากผู้ป่วยจำนวนมาก หลังจบช่วง 4 เดือนไปแล้ว พ่อหมอยังขอเป็นจิตอาสาที่ รพ.เพื่อจ่ายยาให้กับผู้ป่วยโดยขอค่าตอบแทนเป็นเพียงข้าวกลางวัน 1 มื้อเท่านั้น ในขณะที่สมุนไพรต่างๆ พ่อหมอขาวกลับเป็นผู้จัดหามาให้กับ รพ.ใช้โดยไม่คิดค่าตอบแทนเลย” นางนราทิพย์ กล่าว